นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยหลังการหารือ กับนายหยาง ซิน อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เข้ามาหารือวันนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า มาหารือ 4 เรื่อง ได้แก่
1.อุปทูตของจีนยืนยันว่า ทางการจีนอนุมัติวัคซีนซิโนแวค 8 แสนโดสให้ไทยแล้ว คาดว่ามาถึงไทยประมาณวันที่ 25 มี.ค.
2.ขอให้ไทยช่วยพิจารณาฉีดวัคซีนโควิดให้คนสัญชาติจีนที่พำนักอยู่ในไทย เรารับในหลักการ โดยไทยจะทำหนังสือขอรับการสนับสนุนวัคซีนจากจีนในฐานะมิตรประเทศ ซึ่งหากให้วัคซีนมาก็อาจระบุเงื่อนไขว่าให้ดูแลคนจีน
3.ขอให้พิจารณาร่วมกับประเทศจีน จัดตั้งศูนย์การฉีดวัคซีนให้ชาวจีนโพ้นทะเลในภูมิภาคอาเซียนหรืออินโดจีน ถ้าทำได้จะเกิดผลดีกับไทย จะได้นักท่องเที่ยวด้วย เพราะต้องฉีด 2 โดส กรมควบคุมโรคจะต้องไปหารือร่วมกับจีนว่าระหว่างรอฉีดเข็ม 1 เข็ม 2 จะสามารถท่องเที่ยวในไทยภายใต้มาตรการความปลอดภัยอย่างไร
และ 4.เรื่องการยอมรับวัคซีนพาสปอร์ตระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งจะทำให้ผ่านการเข้าเมืองไม่ยุ่งยาก ช่วยให้การกลับคืนภาวะปกติได้เร็วยิ่งขึ้น เศรษฐกิจเริ่มมีการหมุนเวียน ซึ่งไทยและจีนต้องรีบทำก่อนที่คนอื่นจะทำ เพื่อให้คนท่องเที่ยวและประกอบธุรกิจเดินหน้า ซึ่งหากชาติอื่นๆ ประสงค์อยากจะทำเช่นนี้ก็ได้ เรายินดี
ส่วนค่าบริหารจัดการในการฉีดวัคซีนให้คนจีน นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องหารือกัน สมมติเขาให้วัคซีนมาหลายล้านโดสแต่จีนมีประมาณ 2 แสนคน หากให้ไทยช่วยฉีดให้ ดีหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องน้ำใจซึ่งกันและกันด้วย ทั้งหมดนี้ต้องเจรจากันก่อน และปรึกษากระทรวงการต่างประเทศถึงรูปแบบการออกหนังสือ ขอรับการสนับสนุนจากทางการจีนต้องทำอย่างไร
ในช่วงเย็นวันนี้ นายอนุทิน พร้อมด้วย นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สธ. และผู้บริหาร สธ. รับมอบวัคซีนโควิด 19 ของบริษัทแอสตราเซเนกา 117,300 โดส ที่วัคซีนอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ถูกเก็บรักษาไว้ในห้องควบคุมอุณหภูมิตามมาตรฐาน จากนี้จะส่งตัวอย่างส่งให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจ ซึ่งวัคซีนนี้จะช่วยให้ฉีดครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย บุคลากรอายุ 60 ปีขึ้นไปใน 5 จังหวัด และบุคคลสำคัญของประเทศ
โดยในวันพรุ่งนี้จะสอนถามนายกฯ ว่ามีความพร้อมแล้ว ส่วนจะฉีดวันไหนท่านจะกำหนดลงมา อย่างไรก็ตาม นายกฯ ก็อยู่ในเกณฑ์ที่จะฉีดวัคซีน เพราะเป็นผู้นำประเทศ แสดงเจตจำนงว่าจะฉีดเพื่อให้เกิดความมั่นใจ มีการเดินทางบ่อยๆ ประชุมพบปะคนจำนวนมาก