‘โอลิวิเยร์ ดาโซ’ มหาเศรษฐีและ ส.ส.ฝรั่งเศส เสียชีวิตจากเฮลิคอปเตอร์ตก
นายโอลิวิเยร์ ดาโซ (Olivier Dassault) มหาเศรษฐีและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของฝรั่งเศสวัย 69 ปี เสียชีวิตแล้ว หลังจากเฮลิคอปเตอร์รุ่น ‘AS350 Écureuil’ ขึ้นบินจากที่ดินเอกชนแห่งหนึ่งและเกิดอุบัติเหตุตกใกล้กับเมืองโดวิลล์ ในนอร์มังดี เมื่อช่วงค่ำวันที่ 7 มี.ค.64 นายดาโซ และ นักบิน เสียชีวิต 2 ราย
หลังจากข่าวการเสียชีวิตของนายดาโซ ได้รับการเปิดเผยออกมา คนใกล้ชิดและบุคคลในแวดวงการเมืองของฝรั่งเศสจำนวนมากต่างออกมาแสดงความเสียใจ รวมทั้ง ประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส กล่าวว่า นายดาโซ รักฝรั่งเศส และการเสียชีวิตของเขาถือเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่
ปู่ของนายดาโซ คือ นายมาร์เซล ดาโซ เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทผลิตเครื่องบิน ‘ดาโซ แอเวียชัน’ ซึ่งผลิตเครื่องบินใบพัดในสงครามโลกครั้งที่ 1 หลังจากการเสียชีวิตของนายมาร์เซล เมื่อปี 2529 นายเซอร์เก พ่อของนายดาโซก็แต่งตั้งเขาขึ้นเป็นผู้อำนวยการฝ่ายยุทธศาสตร์การบินพลเรือนของบริษัท
นายดาโซ หันมาลงเล่นการเมือง และในปี 2545 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกรัฐสภาแห่งชาติ หรือ สภาผู้แทนราษฎรฝรั่งเศสในพื้นที่ทางเหนือของประเทศ ต่อมาเมื่อปี 2554 นายดาโซ ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการบริหารของเครือบริษัท ดาโซ กรุ๊ป อย่างไรก็ตาม เขาตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับการเล่นการเมือง
นายดาโซ ได้รับการจัดอันดับเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับที่ 361 ของโลก โดยมีทรัพย์สินประมาณ 6,300 ล้านยูโร หรือราว 229,000 ล้านบาท
CR:BBC
จีน เสนอตัว รับเจรจาแก้ปัญหาเมียนมา
นาย หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน เปิดเผยที่กรุงปักกิ่ง ของจีนว่า จีนพร้อมที่จะติดต่อกับทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ขัดแย้งในเมียนมา ทั้งทุกพรรคและทุกฝ่ายในเมียนมา รวมทั้งพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ด้วย และทุกฝ่ายก็มองว่าจีนเป็นมิตรด้วยกันทั้งนั้น เป็นการผ่อนคลายความตึงเครียดและลดความรุนแรงของสถานการณ์ลงแต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของการให้ความเคารพต่ออธิปไตยและเจตนารมณ์ของประชาชนในเมียนมา
รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ยืนยันว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในเมียนมาเมื่อวันที่ 1 ก.พ.64ไม่ได้เป็นสิ่งที่จีนต้องการเห็น และปฏิเสธชัดเจนว่า จีนไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าว่าจะมีการรัฐประหาร รวมทั้งปฎิเสธข่าวลือเรื่องที่ระบุว่าจีนเข้าไปเกี่ยวข้องกับการรัฐประหารที่เกิดขึ้น
ด้านพันธมิตรสหภาพแรงงานในเมียนมา เรียกร้องให้มีการหยุดงานประท้วงทั่วประเทศตั้งแต่วันจันทร์นี้ 8 มี.ค.64 โดยตั้งใจที่จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศปิดตัวลงอย่างเต็มรูปแบบ องค์กรแรงงาน 9 แห่ง ออกคำแถลงเรียกร้องให้ชาวเมียนมาทุกคนหยุดงาน พยายามที่จะยุติการยึดอำนาจของกองทัพ
ชาวอังกฤษ-เดนมาร์ก เชื่อมั่นมากที่สุดที่จะฉีดวัคซีน
อิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอนของอังกฤษและ YouGov เปิดเผยผลสำรวจ ชี้ว่า ประชาชนทั่วโลกมีความเชื่อมั่นมากขึ้นที่จะฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ขณะที่มีประชาชนจำนวนมากขึ้นเข้ารับการฉีดวัคซีนนับตั้งแต่เดือนพ.ย.63
ผลสำรวจล่าสุดจัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 8-21 ก.พ. 64 ครอบคลุมประชาชนราว 500-1,000 คนใน 14 ประเทศ รวมถึงญี่ปุ่น, อังกฤษ, ฝรั่งเศส และเกาหลีใต้ มีการสอบถามผู้ตอบแบบสำรวจว่า พวกเขาเต็มใจที่จะฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 หรือไม่ โดยมีคำตอบให้เลือก 5 คำตอบตามระดับความเต็มใจ
-ผลสำรวจ ชี้ว่า ประชาชนอังกฤษ แสดงความเชื่อมั่นสูงสุด ร้อยละ 77 ของผู้ตอบแบบสำรวจ ระบุว่า พวกเขาเต็มใจอย่างมากหรือเต็มใจในระดับหนึ่งที่จะฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 รองลงมาได้แก่ประชาชนในเดนมาร์ก ซึ่งประชาชนร้อยละ70 ระบุว่าเต็มใจที่จะฉีดวัคซีน
-ส่วนประชาชนในญี่ปุ่นและสิงคโปร์ราวร้อยละ 48 ระบุว่าเต็มใจที่จะฉีดวัคซีน
-ขณะที่มีประชาชนในฝรั่งเศสเพียงร้อยละ 40 เท่านั้นที่เต็มใจจะฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19
-อัตราส่วนโดยรวมของผู้ที่ระบุว่าต้องการจะฉีดวัคซีนนั้นอยู่ที่ร้อยละ 58 เพิ่มขึ้นจากการสำรวจครั้งแรกเมื่อเดือนพ.ย. 63 ที่พบคนที่จะฉีดวัคซีนเพียงร้อยละ 17
ส่วนการสอบถามความเห็นเรื่องผลข้างเคียงที่จะได้รับหลังการฉีดวัคซีน
-ผู้ตอบแบบสำรวจ ร้อยละ 45 ระบุว่า มีความวิตกอย่างมากหรือวิตกบางส่วนเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19
-ชาวญี่ปุ่น ร้อยละ 61 ระบุว่าวิตกกับผลข้างเคียงของวัคซีน
-ชาวสิงคโปร์ แสดงความวิตกผลข้างเคียงร้อยละ 59
-ขณะที่ประชาชนในเกาหลีใต้และฝรั่งเศสจำนวนราวร้อยละ 56 แสดงความวิตกกับผลข้างเคียงของวัคซีน
เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น กำลังเร่งสอบสวนผลที่ได้รับหลังจากได้รับวัคซีน
สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลีใต้ รายงานว่า ในสัปดาห์แรกของการฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งเป็นวัคซีนของบริษัทแอสตราเซเนกา และวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ พบผู้เสียชีวิตหลังการรับวัคซีนของแอสตราเซเนกามากถึง 7 ราย และพบว่ามีคนที่มีอาการไม่พึงประสงค์อีกเกือบ 3,000 คน ซึ่งในขณะนี้สำนักงานสาธารณสุขได้เริ่มการสอบสวนหาสาเหตุเชื่อมโยงของการเสียชีวิตและอาการต่างๆ ชาวเกาหลีใต้จำนวนมากยังมีความกังวลเกี่ยวกับการรับวัคซีน เนื่องจาก เมื่อช่วงปลายเดือนต.ค.63 มีผู้เสียชีวิต 83 ราย หลังจากที่ได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและคนที่มีโรคประจำตัว แม้สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคจะยืนยันว่า การเสียชีวิตไม่มีความเกี่ยวข้องกับวัคซีน
กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น รายงานว่า มีผู้ที่รับวัคซีนโควิด-19 แล้วมีอาการแพ้อย่างรุนแรง (anaphylactic) คนแรก เป็นเจ้าหน้าที่แพทย์อายุ 30 ปี รับวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์อิงค์เมื่อวันศุกร์ 5 มี.ค.64 แต่เนื่องจากเธอมีอาการป่วยเรื้อรังจากโรคหอบหืด ทำให้อาการกำเริบ โดยมีอาการไอรุนแรงภายใน 5 นาที หลังการฉีดวัคซีน จากนั้นการหายใจเร็วขึ้นและมีอาการคัน แต่หลังจากที่ได้รับยารักษาตามอาการก็มีอาการดีขึ้น