ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา 12.30น.วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม 2564

05 มีนาคม 2564, 13:50น.


ตรึงค่าไฟ ต่ออีก 4 เดือน งวด พ.ค.-ส.ค. 64 จ่ายเท่าเดิม 3.61 บาท/หน่วย



          นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติให้ตรึงค่าไฟฟ้าผันแปร (เอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือนพ.ค.-ส.ค. 64 โดยให้เรียกเก็บที่ -15.32 สตางค์ต่อหน่วย ขณะที่ค่าไฟฐานอยู่ที่ 3.76 บาทต่อหน่วย ทำให้ผู้ใช้ไฟฟ้ายังคงจ่ายค่าไฟฟ้าเท่าเดิมในอัตรา 3.61 บาทต่อหน่วยต่อไปอีก 4 เดือน



          กกพ. มองว่า แนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก 54.8 เหรียญสหรัฐฯต่อบาเรล เมื่อเดือนก.พ.64 มาอยู่ในระดับ 60 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ในเดือนมี.ค.64 และแนวโน้มการอ่อนตัวลงของค่าเงินบาทจาก 30 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯเมื่อเดือนก.พ.64 มาเป็น 31 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯในเดือนนี้อาจส่งผลต่อค่าเอฟทีในช่วงปลายปี ประกอบกับ ความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกหลังจากปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 คลี่คลายในครึ่งปีหลัง จะส่งผลต่อการเพิ่มความต้องการใช้เชื้อเพลิงในตลาดโลกอย่างรุนแรง จึงใช้หลักการประเมินค่าเอฟทีตลอดทั้งปีเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจะมีศักยภาพในการรักษาเสถียรภาพค่าไฟฟ้าตลอดปีนี้



CR:สำนักงาน กกพ.



รฟม.ยืนยัน ไม่เวนคืน พื้นที่ภายในของวัดเอี่ยมวรนุช  



           หลังเฟซบุ๊ก วัดเอี่ยมวรนุช ได้โพสต์ภาพและข้อความ "เศร้าสลด หดหู่ ปิดตำนาน วิหารหลวงปู่ทวดและโบราณสถานของวัดเอี่ยมฯ 237 ปี แลกกับสถานีรถไฟฟ้าบางขุนพรหม ซึ่งเป็นสถานีใต้ดินของโครงการรถไฟฟ้าสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ(วงแหวนกาญจนาภิเษก) เมื่อรถไฟฟ้ามา วัดวาก็ถูกทุบทำลาย" โดยให้ข้อมูลว่า วัดโดนเวนคืนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อสร้างรถไฟฟ้า ปัจจุบัน วัดมีเนื้อที่เล็กมากเพียง 2 ไร่กว่า แทบไม่มีพื้นที่จัดกิจกรรม ต้องโดนเฉือนออกไป ตั้งแต่กำแพงวัด ซุ้มประตู ศาลา ทั้ง 2 หลังด้านหน้าวัด เจดีย์ขาว อายุเกือบร้อยปี และวิหารหลวงปู่ทวด รวมถึงผลประโยชน์ของวัด ที่เป็นร้านอาหารข้างๆ และลานหน้าวัด



          หลังเรื่องราวถูกเผยแพร่ออกไป ชาวบางขุนพรหม รวมถึงชาวโซเชียล ต่างแสดงความไม่พอใจที่โบราณสถานที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และเป็นศูนย์รวมจิตใจชาวพุทธจะต้องถูกทุบทำลายไป 



          ล่าสุด นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ได้ใช้เฟซบุ๊ก Sorapong Paitoonphongเข้ามาคอมเมนต์ในเพจของวัด ระบุว่า "ผมได้ตรวจสอบจาก รฟม. แล้วว่า พื้นที่ก่อสร้างจะไม่กระทบวิหารหลวงปู่ทวด ครับ และ กระทรวงคมนาคมจะได้มอบหมายให้ รฟม. ลดผลกระทบให้มากที่สุดครับ"



          ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม.ได้ติดต่อประสานงานมากับทางวัดเอี่ยมฯ..." ขออนุญาตแนะนำตัวครับ ผมนายฤกษ์ฤทธิ์ เป็นเจ้าหน้าที่แผนกเรื่องราวร้องทุกข์ รฟม. ครับ รฟม. ร่วมกับบริษัทที่ปรึกษาโครงการฯ ได้ดำเนินการชี้แจงข้อมูลรูปแบบการก่อสร้างให้กับผู้แทนวัดเอี่ยมฯ (จากชมรมคนรักวัดเอี่ยมฯ) รับทราบแล้ว ทั้งนี้ รฟม. จะลงพื้นที่เข้าพบท่านเจ้าอาวาส ซึ่งจะประสานวันและเวลาต่อไป "



          นอกจากนี้  รฟม. ออกเอกสารชี้แจง ยืนยันว่า จะไม่มีการเวนคืนส่วนที่เป็นวิหารและเจดีย์เก่าของวัดเอี่ยมวรนุช และในสัปดาห์หน้าจะมีการชี้แจงกับวัดเพิ่มเติม



1.ตำแหน่งทางขึ้น – ลง หมายเลข 1 ตั้งอยู่บริเวณหน้าวัดเอี่ยมวรนุช ใกล้สี่แยกวิสุทธิกษัตริย์



2.ตำแหน่งทางขึ้น – ลง หมายเลข 2 ตั้งอยู่บริเวณปั๊ม ปตท. ตรงข้ามวัดสามพระยา



3.ตำแหน่งทางขึ้น – ลง หมายเลข 3 ตั้งอยู่บริเวณโรงพิมพ์ศรีหงส์



4.ตำแหน่งทางขึ้น – ลง หมายเลข 4 ตั้งอยู่บริเวณธนาคารแห่งประเทศไทย ถนนวิสุทธิกษัตริย์



          สำหรับวัดเอี่ยมวรนุช เป็นวัดราษฎร์ อยู่แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร ตั้งเมื่อ พ.ศ.2327 วัดท้องคุ้ง ต่อมา ปลัดนุช บูรณสังขรณ์ ชาวบ้านจึงเรียกว่า วัดปลัดนุช ในสมัยรัชกาลที่ 5 ยายเอี่ยมได้สร้างพระอุโบสถ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงมีพระราชดำรัสให้มีชื่อผู้สร้างร่วมด้วย จึงชื่อ วัดเอี่ยมวรนุช ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2490



ศาลปกครองกลาง ไม่รับคำร้อง เพิกถอนคำสั่งขึ้นค่ารถไฟฟ้าสายสีเขียว หลังกทม.เลื่อนจัดเก็บ



          ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งไม่รับคำขอเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวฯ คดียื่นฟ้องขอให้เพิกถอนประกาศการปรับขึ้นค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวของกรุงเทพมหานคร ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ.64 เนื่องจากศาลฯ เห็นว่า กรุงเทพมหานคร ได้มีประกาศ ฉบับใหม่ ลงวันที่ 8 ก.พ.64 เลื่อนการจัดเก็บค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวดังกล่าวออกไปแล้ว ประกาศพิพาทตามฟ้องในคดีนี้ จึงยังไม่ใช้บังคับในวันที่ 16 ก.พ.64 ตามที่ระบุไว้ในประกาศดังกล่าว เท่ากับว่าได้มีการสั่งให้ทุเลาการบังคับตามประกาศที่พิพาทไว้ก่อนโดยเจ้าหน้าที่ผู้ทำคำสั่งนั้นเอง ดังนั้น ในชั้นนี้จึงเห็นได้อย่างชัดแจ้งว่าไม่สมควรมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามกฎหรือคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี ทั้งนี้ ตามข้อ 70 แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543 



กักตัวกลุ่มเสี่ยงสัมผัส ด.ต. ติดโควิด-19 รวม 41 คน  



          พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวถึง กรณีตำรวจควบคุมฝูงชนสังกัด สน.วังทองหลาง ติดเชื้อโควิด-19 ว่า จากการสอบสวนโรค พบว่ามีกลุ่มเสี่ยง 41 คน โดยให้กักตัวดูอาการที่โรงพยาบาลตำรวจ 25 คน ในจำนวนนี้รวมผู้ติดเชื้อรายแรกด้วย อีก 16 คนให้กักตัวอยู่ที่บ้านพัก กลุ่มเสี่ยงมีทั้งตำรวจในสน.วังทองหลาง ตำรวจควบคุมฝูงชนและคนใกล้ชิด



          ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าตำรวจนายนี้ปฏิบัติหน้าที่ประจำรถควบคุมผู้ต้องหาในการชุมนุม แต่ไม่ได้ใช้งาน เป็นรถที่เตรียมไว้เท่านั้น ไม่ได้ออกปฏิบัติการ ดังนั้นผู้ชุมนุมหรือผู้ถูกจับกุมจึงไม่มีความเสี่ยง



          ส่วนประเด็นที่ ด.ต.ผู้ติดเชื้อเดินทางไปในพื้นที่ควบคุมสูงสุดหรือพื้นที่สีแดง จ.สมุทรสาคร  ก่อนติดเชื้อโควิด-19 ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชา ต้องไปตรวจสอบสอบถามเหตุผลความจำเป็นในการเข้าไปในพื้นที่ และจากนี้จะต้องมีบรรทัดฐานกำกับกรณีการเดินทางในพื้นที่เสี่ยงของตำรวจด้วย 



ที่ประชุมรมว.เศรษฐกิจอาเซียน เสนอใช้หนังสือรับรองวัคซีนดิจิทัลในกลุ่มประเทศสมาชิก



          กระบวนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในหลายประเทศสมาชิกอาเซียน ล่าสุด เพจสำนักข่าวกรองแห่งชาติ รายงานว่า ที่ประชุมรัฐมนตรีว่าการเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ เสนอให้ใช้หนังสือรับรองวัคซีนดิจิทัล ภายในอาเซียน ดาโต๊ะ ซรี อัซมิน อาลี รมว.กระทรวงเศรษฐกิจของมาเลเซีย เปิดเผยว่าที่ประชุม รมว.เศรษฐกิจอาเซียน อย่างไม่เป็นทางการ เมื่อ 2-3 ก.พ. 64 ได้เสนอให้มีการใช้หนังสือรับรองวัคซีนดิจิทัลสำหรับนักท่องเที่ยวใช้ในการเดินทางในภูมิภาค เพื่อเป็นการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวอาเซียนที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลังจากนี้ จะมีการหารือรายละเอียดในที่ประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอาเซียนต่อไป



          นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือในประเด็นอื่นที่จะช่วยส่งเสริมการฟื้นตัวและสร้างความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจอาเซียน กับทั้งยังเปิดโอกาสให้อินเดียที่จะเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP) กับอาเซียนในอนาคต



ผบ.ตร.เผยผลสอบไม่พบตำรวจเอี่ยวคดีขนไอซ์ที่ จ.ตาก



          พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงผลการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีมีตำรวจยศพันตำรวจเอกและพลตำรวจโท  ถูกพาดพิงในคดีที่ตำรวจภูธรจังหวัดตาก จับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 2 คน พร้อมยึดไอซ์ 1,500 กิโลกรัม ที่ด่านตรวจความมั่นคงร่วมบ้านห้วยยะอุ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เมื่อเดือนต.ค.62



         ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า คดีนี้มีเอกสารบางส่วนหลุดไปยังสาธารณชน ทำให้สังคมตั้งข้อสงสัย ซึ่งเอกสารที่หลุดไปเป็นเพียงภาพผู้ต้องหาชี้ไปยังภาพตำรวจยศ พลตำรวจโทนายหนึ่ง และมีเพียงคำกล่าวอ้างว่า พบตำรวจนายนี้อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน แต่ไม่สามารถบอกรายละเอียดอื่นๆ ได้  ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงสั่งให้ตรวจสอบ แต่ยังไม่พบหลักฐานเชื่อมโยงการกระทำผิด และมองว่าเอกสารที่หลุดออกมาไม่ใช่หลักฐานทั้งหมดของคดี



         ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า การสืบสวนสอบสวนคดี ได้ทำงานร่วมกันหลายหน่วยงาน หากมีหลักฐานความผิดชัดเจนจริง สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่สามารถปิดบังได้ จึงมองว่าเป็นการบิดเบือนข้อมูล ต้องการบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรม และเชื่อว่าไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ



         ด้าน พล.ต.ต.ดำรงค์ เพ็ชรพงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ชี้แจงถึงการจับกุมคดียาเสพติดดังกล่าวว่า แม้ผู้ต้องหาจะพาดพิงถึงตำรวจ 3 นาย แต่จากการสืบสวนยังไม่มีหลักฐานนำไปสู่การแจ้งข้อหาสมคบได้ เพราะมีเพียงแค่คำกล่าวอ้างจากผู้ต้องหา จึงไม่มีความจำเป็นต้องเรียกตัวมาสอบสวน นอกจากนี้ การตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ต้องหา ไม่พบมีความเชื่อมโยงกับตำรวจที่ถูกพาดพิง



          ขณะที่ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า จากการตรวจสอบ พบว่า ตำรวจภูธรภาค 6 ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายทุกประการ  แต่หากมีการพาดพิงถึงใครอีก ก็พร้อมจะสืบสวนหาข้อเท็จจริง  



โฆษก กอ.รมน.ชี้แจง บัญชีที่ถูกเฟซบุ๊กลบ เป็นบัญชีส่วนบุคคล



          หลังจากสำนักข่าวรอยเตอร์ได้นำเสนอข่าวการสั่งปิดเฟซบุ๊ก และปิดบัญชี รวมทั้งเพจเฟซบุ๊กโดยได้ลบ 185 บัญชี และกลุ่มที่ตรวจจับได้ว่าสมัครเข้ามาเพื่อปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร หรือ ไอโอ มีส่วนเชื่อมโยงกับกองทัพไทย และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษก กอ.รมน.เปิดเผยว่า บัญชีที่ถูกลบออกจากเฟซบุ๊ก เป็นบัญชีส่วนบุคคล โดย ปัจจุบันเฟซบุ๊กของ กอ.รมน. ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ



          กอ.รมน.ไม่มีนโยบายให้หน่วยดำเนินงานตามที่เป็นข่าว จากนโยบายของ กอ.รมน. มีหน้าที่เป็นศูนย์ประสานงานกลางขับเคลื่อนประสานงาน ในการช่วยเหลือ บรรเทาทุกข์ให้กับประชาชน เพื่อเป็นที่พึ่งของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากความเดือดร้อน ซึ่ง กอ.รมน.ได้ยึดถือเป็นแนวทางการปฏิบัติงานมาโดยตลอด



          การใช้งานของโซเชียลมีเดียของ กอ.รมน. มีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์ กิจกรรม/ผลงาน ของ กอ.รมน. สร้างการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ให้กับประชาชนได้อย่างรวดเร็ว พร้อมรับทราบ ความต้องการของประชาชน เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ให้กับประชาชนได้ตรงตามความต้องการ และสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล



          ปัจจุบัน กอ.รมน.ได้มี Call Center 1374 รับแจ้งเหตุความมั่นคง เป็นอีกช่องทางหนึ่ง ที่จะทำให้การดำเนินชีวิตของประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน



 



 

ข่าวทั้งหมด

X