การขออนุญาตขึ้นทะเบียนใช้วัคซีนโควิด-19 ในภาวะฉุกเฉิน นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. เปิดเผยว่า นอกจาก อย. จะขึ้นทะเบียนให้สามารถใช้วัคซีน 2 ตัว จากบริษัทแอสตราเซเนกา และบริษัทซิโนแวคแล้ว ล่าสุดมีอีก 1 บริษัท คือ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ยื่นเอกสารเพื่อขอขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาโดยคณะกรรมการ และผู้เชี่ยวชาญ คาดใช้เวลา 30 วันคือในช่วงปลายเดือนมีนาคม หรือต้นเดือนเมษายน จะทราบผล
ขณะเดียวกันยังมีวัคซีนโควิด-19 อีก 1 ตัว ของบริษัทโมเดอร์นา ที่ติดต่อขอยื่นเอกสารกับ อย. เพื่อขอพิจารณาขึ้นทะเบียนวัคซีน ในช่วงกลางเดือนมีนาคมนี้ด้วยเช่นกัน
สำหรับหลักเกณฑ์ในการพิจารณาจะขึ้นทะเบียนวัคซีนให้ใช้ในภาวะฉุกเฉินมี 3 หลัก คือ ความปลอดภัย คุณภาพ และประสิทธิภาพการป้องกันโรค อย่างไรก็ตาม อย. ไม่มีการปิดกั้นเอกชนหากต้องการยื่นขอพิจารณาขึ้นทะเบียนวัคซีน แต่หากจะมีการนำไปใช้ต้องขึ้นอยู่กับคณะอนุกรรมการอำนวยการให้วัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งเป็นหน่วยงานที่บริหารจัดการวัคซีน
ด้านหนังสือพิมพ์เดอะ ไทมส์ รายงานว่า บริษัทแอสตราเซนเนกาได้ขายหุ้นจำนวนร้อยละ7.7 ที่ถือครองอยู่ในบริษัทโมเดอร์นา คิดเป็นวงเงินมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ หลังราคาหุ้นของโมเดอร์นาพุ่งขึ้นอย่างมากขานรับความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 รายงานข่าวไม่ได้ระบุว่า แอสตร้าเซนเนก้าได้ขายหุ้นดังกล่าวเมื่อใด เดอะ ไทมส์ รายงานว่า แอสตราเซนเนกายังคงมีหุ้นส่วนกับโมเดอร์นาในการผลิตวัคซีนสำหรับโรคอื่นๆ โมเดอร์นาเปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ทางบริษัทคาดว่าจะมียอดขายจากการจำหน่ายวัคซีนโควิด-19 จำนวน 1.84 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้