ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา 12.30น.วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม 2564

สธ.ให้ฝ่ายปกครอง ดำเนินคดีบริษัทในปทุมฯ ปกปิดข้อมูล

          นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่โรงพยาบาลปทุมธานี เพื่อติดตามการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นวัคซีนของบริษัทซิโนแวค ล็อตแรก ให้กับกลุ่มเป้าหมาย คือ บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลควบคุมโรค ประชาชนที่มีโรคประจำตัว ประชาชนกลุ่มเสี่ยงและแรงงานในพื้นที่ตามเกณฑ์ที่กำหนด 

          นายอนุทิน ยืนยันว่า วัคซีนเข็มแรกของประชาชน ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ถือเป็นความรับผิดชอบของรัฐ หากพบว่ามีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพื่อแลกกับบริการฉีดวัคซีน ถือเป็นการกระทำผิด ประชาชนที่พบเจอสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่จัดการได้ทันที หลังจากนี้ ขอให้ประชาชนดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน หมอพร้อม เพื่อติดตามเรื่องการรับบริการวัคซีน

          นอกจากนี้ นายอนุทิน ย้ำว่า ประเทศไทยยังไม่หยุดจัดหาวัคซีนมาให้บริการกับคนไทยและไม่มีการปิดกั้นการขอขึ้นทะเบียนจากบริษัทใดๆ หากบริษัทไหนพร้อม มั่นใจว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพ มีประสิทธิผล มีความปลอดภัย มีเอกสารครบถ้วน สามารถนำมาขอขึ้นทะเบียนได้เลย ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยได้หารือกับเอกชนหลายราย และพร้อมพิจารณานำเข้าวัคซีน แต่ติดเงื่อนไขบางประการ เช่น เมื่อจ่ายเงินไปแล้ววัคซีนจะได้มาในช่วงปลายปี เท่ากับชนรอบการได้รับวัคซีนจากผู้ผลิตในยุโรป ซึ่งผลิตจากโรงงานไทย จึงต้องชะลอการตัดสินใจออกไป

          ส่วนการติดตามการฉีดวัคซีนเข็มแรกของประเทศไทย และของจังหวัดสมุทรสาคร กระบวนการเรียบร้อยดี ซึ่งตามหลักการแล้ว วัคซีนในระยะเร่งด่วนต้องให้บริการแก่บุคลากรทางการแพทย์และการสาธารณสุข เจ้าหน้าที่กลุ่มเสี่ยงและบุคคลที่เสี่ยงมีอาการรุนแรงหากติดเชื้อ ซึ่งประเทศไทยดำเนินการไปตามหลักเกณฑ์นี้ การฉีดวัคซีนที่ผ่านมาถือเป็นการทดสอบระบบการให้บริการ จากนี้ประเทศไทยต้องให้บริการจำนวนมหาศาล จึงจำเป็นต้องรู้ว่าจะปรับปรุงการฉีดวัคซีนอย่างไรเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในอนาคต หลักการฉีดต้องครอบคลุม สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประชากร 

         กรณีที่พบการปกปิดข้อมูลจนเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในจังหวัดปทุมธานี ขอให้เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของฝ่ายปกครองที่จะต้องไปดำเนินคดีตามกฎหมายที่กำหนด 

นายกฯ อินเดีย เรียกความเชื่อมั่นฉีดวัคซีนที่ผลิตเอง

          นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มแรก ที่สถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์แห่งนิวเดลี โดยวัคซีนที่บุคลากรการแพทย์ฉีดให้ผู้นำอินเดีย วัย 70 ปี  คือ วัคซีน ชื่อ โควาซิน พัฒนาโดยบริษัทภารัต ไบโอเทค หนึ่งในผู้ประกอบการด้านชีวเภสัชภัณฑ์รายใหญ่ของประเทศ อินเดียเริ่มฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน เมื่อกลางเดือนม.ค.64 เริ่มจากบุคลากรทางการแพทย์ก่อนนั้น มีประชาชนประมาณร้อยละ 11 ซึ่งสมัครใจรับการฉีดวัคซีนโควาซิน ที่ยังไม่มีการเปิดเผยผลการทดสอบระยะสุดท้ายออกมามากนัก

         หลายฝ่ายจึงมองการที่นายโมดี เลือกฉีดวัคซีนโควาซิน คือ การสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน โรงพยาบาลของรัฐทุกแห่งในอินเดีย ให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดเพิ่มเติมทั้งสิ้น แต่หากเป็นโรงพยาบาลเอกชน จะมีการคิดราคาวัคซีน ซึ่งรัฐบาลกำหนดเพดานต้องไม่เกิน 250 รูปีต่อโดส (ราว 103 บาท )

นายกฯฮังการี เป็นผู้นำชาติแรกในยุโรปที่ฉีดวัคซีนของจีน

          นายกฯ วิกเตอร์ ออร์บาน ของอังการี วัย 57 ปี เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มแรก ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในกรุงบูดาเปสต์ โดยใช้วัคซีนของบริษัทเภสัชกรรมแห่งชาติจีน ( ซิโนฟาร์ม ) นับเป็นผู้นำคนแรกและคนเดียวในทวีปยุโรปจนถึงเวลานี้ที่ฉีดวัคซีนของจีน

          เมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว ฮังการี ยกระดับโครงการแจกจ่ายวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เมื่อเริ่มใช้งานวัคซีนของซิโนฟาร์ม รัฐบาลหวังว่าจะช่วยเพิ่มจำนวนการฉีดวัคซีนให้ประชากรเป็น 368,000 คน เฉพาะภายในสัปดาห์นี้ ที่ผ่านการอนุมัติเมื่อปลายเดือนที่แล้ว

          ฮังการีเป็นประเทศแรกในทวีปยุโรป ที่สั่งซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของซิโนฟาร์ม และสปุตนิก วี ของรัสเซีย

          ผลการสำรวจความคิดเห็นของชาวฮังการี 1,000 คน ในกรุงบูดาเปสต์ จัดทำโดยศูนย์วิจัยเมเดียน ร่วมกับศูนย์วิจัย เดอะ ทเวนตีวัน เมื่อเดือน ก.พ.64 ปรากฏว่า มีกลุ่มตัวอย่างเพียงร้อยละ 27 ยินดีฉีดวัคซีนของซิโนฟาร์ม และ ร้อยละ 43 ต้องการรับวัคซีนของรัสเซีย ขณะที่ ร้อยละ 84 ของกลุ่มตัวอย่าง กล่าวว่า หากเลือกได้ ต้องการฉีดวัคซีนที่พัฒนาโดยประเทศตะวันตกมากกว่า

ค่าเงินบาท อ่อนค่าลงมากที่สุดในรอบเกือบ 4เดือน

         ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ ที่ระดับ 30.35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลงมากสุด ในรอบเกือบ 4 เดือน นับจาก 11 พ.ย.ปี 63 ที่แตะระดับ 30.58 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นผลมาจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯปรับตัวแข็งค่าขึ้น หลังผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ หรือบอนด์ยีลด์ 10 ปี ปรับตัวขึ้นแรงมาที่ระดับร้อยละ 1.40 ทำให้เกิดแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ขณะที่ตลาดเกิดใหม่ รวมถึงไทยถูกเทขายหุ้นและพันธบัตรทำให้ค่าเงินเอเชียกลับมาอ่อนค่า ขณะที่บอนด์ยีลด์ 10 ปีของไทยแตะที่ระดับร้อยละ 1.77 ในรอบ 1 ปี 7 เดือน นับจากส.ค. 62

          สัปดาห์ที่แล้วตลาดการเงินปิดรับความเสี่ยงและผันผวนหนัก หลังบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วสำหรับสัปดาห์นี้ ควรระวังความผันผวนในตลาดการเงิน จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ เช่น การจ้างงาน รวมถึง โอกาสที่วุฒิสภาสหรัฐฯจะอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ ตลาด จะติดตามมุมมองของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) และบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่อความผันผวนในตลาดการเงินในสัปดาห์ที่ผ่านมา แนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจ และแนวโน้มการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน

ฮ่องกง คุมเข้ม ก่อนศาลพิจารณาคดีนักเคลื่อนไหวล้มรัฐบาล

          ประชาชนราว 1,000 คนได้รวมกลุ่มที่ด้านนอกที่ทำการศาลในเขตเกาลูนตะวันตกของฮ่องกงในวันนี้ ก่อนการไต่สวนคดีที่นักเคลื่อนไหวที่เรียกร้องประชาธิปไตยรวม 47 คน ถูกกล่าวหาสมคบคิดล้มล้างอำนาจรัฐภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติสำหรับฮ่องกง ซึ่งรัฐบาลประกาศใช้เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2563

          สำหรับบรรยากาศโดยรวมที่บริเวณศาล มีมาตรการดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ตำรวจ 100 คนดูแลความปลอดภัยในบริเวณศาล

          ขณะที่ผู้สนับสนุนของพรรคฝ่ายค้านเดินทางมาให้กำลังใจนักเคลื่อนไหวที่ถูกดำเนินคดี ประชาชนได้เข้าแถวยาวหลายร้อยเมตรที่นอกศาลเพื่อเข้าไปยังบริเวณศาล ส่งเสียงเชียร์และชูป้ายให้กำลังใจผู้ถูกดำเนินคดี ซึ่งเป็นชาย 39 คนและหญิง 8 คน อายุ 23-64 ปี

          เมื่อวานนี้ ทางการฮ่องกงโดยพนักงานอัยการในฐานะโจทก์ได้แจ้งข้อหานักเคลื่อนไหวกลุ่มดังกล่าว หลังจับกุมเมื่อเดือนมกราคมมีความผิดฐานจัดให้มีและเข้าร่วมกระบวนการหยั่งเสียงเลือกตั้งรอบไพรมารีอย่างไม่เป็นทางการในเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วเพื่อสรรหาผู้สมัครที่มีโอกาสชนะการเลือกตั้งมาลงสู้ศึกเลือกตั้งส.ส.ในนามพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งตามกำหนดเดิม รัฐบาลฮ่องกง จะจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 6 กันยายนปีที่แล้ว แต่ต่อมารัฐบาลประกาศเลื่อนมาหนึ่งปีและจัดการเลือกตั้งในปีนี้ อ้างว่า โรคโควิด-19 ระบาดรุนแรงในฮ่องกงในขณะนั้น มีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่เฉลี่ยกว่าวันละ 100 คน

          รัฐบาลฮ่องกง มองความเคลื่อนไหวเช่นนี้ของนักเคลื่อนไหวที่เรียกร้องประชาธิปไตยว่าเป็นส่วนหนึ่งของแผนสมคบคิดล้มล้างอำนาจรัฐ เช่นเดียวกับ ความผิดร้ายแรงอื่นๆ เช่น การแบ่งแยกดินแดน การก่อการร้ายและการสมคบกับชาวต่างชาติเพื่อทำลายความมั่นคงของฮ่องกง ซึ่งมีโทษสูงสุดคือ จำคุกตลอดชีวิต