ทันสถานการณ์โลกเวลา 06.30น.วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม 2564

01 มีนาคม 2564, 06:03น.


ครบ 1 เดือนยึดอำนาจในเมียนมา ยังไม่รู้ชะตากรรม 'ซูจี' ลุ้นวันนี้ปรากฏตัวที่ศาล



          1 มี.ค.64 ครบ 1 เดือน ที่กองทัพเมียนมา จับกุมตัวนางออง ซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ และก่อรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) เมื่อวันที่ 1 ก.พ.64 กองทัพเมียนมา ระบุว่า การยึดอำนาจเนื่องจากเกิดการทุจริตโกงการเลือกตั้งในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 8 พ.ย. 63 ทำให้พรรค NLD ได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลาย



          ตั้งแต่วันที่กองทัพเมียนมา ยึดอำนาจและควบคุมตัวนางซูจี และประธานาธิบดีวิน มินต์ บุคคลสำคัญในคณะรัฐมนตรีและแกนนำพรรค NLD และยังไม่มีข่าวว่านางซูจี และผู้ถูกควบคุมตัวคนอื่นๆ อยู่ที่ไหน ปลอดภัยดีหรือไม่ แม้แต่ทนายความของนางซูจี ที่จะต้องทำหน้าที่ว่าความให้ก็ยังไม่มีโอกาสได้พบกับนางซูจี และไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางถูกกองทัพควบคุมตัวไว้ที่ไหน



          นางซูจี ถูกสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมียนมา ตั้ง 2 ข้อหา ข้อหาแรก นางซูจี ถูกกล่าวหาว่าละเมิดกฎหมายนำเข้า-ส่งออกและครอบครองเครื่องมือสื่อสาร (วอล์คกี้ทอล์คกี้) โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ในข้อหานี้ ตามกำหนดเดิม วันที่ 15 ก.พ.64 จะมีการพิจารณาไต่สวนคดี และคาดว่าในวันนั้นจะมีการนำตัวนางซูจี มาที่ศาล แต่การพิจารณาคดีเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 17 ก.พ.64



          อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันจะถึงวันที่ 17 ก.พ.64 นางซูจี ถูกตั้งข้อหาเพิ่มอีก 1 คดี คือ ข้อหาละเมิดกฎหมายจัดการภัยพิบัติธรรมชาติ ซึ่งเป็นข้อหาเดียวกันกับที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเมียนมาตั้งข้อหาให้กับประธานาธิบดีวิน มินต์ เนื่องจาก จัดกิจกรรมรณรงค์บางอย่างที่มีการรวมกลุ่มของคนจำนวนมากเป็นการละเมิดมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และถ้าเป็นไปตามรายงานข่าวก่อนหน้านี้ ทั้งนางออง ซูจี และประธานาธิบดีวิน มินต์ มีกำหนดจะปรากฏตัวผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ระหว่างการไต่สวนของศาลในวันที่ 1 มี.ค.64 ซึ่งต้องรอลุ้นอีกทีว่า ทั้งคู่จะปรากฏตัวตามกำหนดการนั้นหรือไม่



          ขณะเดียวกัน ทั่วประเทศยังมีการชุมนุมใหญ่ ประชาชนทุกสาขาอาชีพพากันนัดหยุดงานร่วมขบวนการเคลื่อนไหวไม่เชื่อฟังรัฐ ปฏิบัติการ อารยะขัดขืน (Civil Disobedience : CDM) เจ้าหน้าที่ต้องเข้าควบคุมสถานการณ์ มีทั้งการใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง การยิงฝูงชนด้วยกระสุนยางและกระสุนจริงในหลายพื้นที่ จนถึงขณะนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วประมาณ 18 ราย จับคนที่เข้าร่วมชุมนุมไม่ต่ำกว่า 850 คน 



          เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พล.อ.มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมา กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ดำเนินการด้วยความอดกลั้นที่สุด



CR:BBC



อินโดฯกังวลความรุนแรงในเมียนมา



          กระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซีย ออกแถลงการณ์ว่า อินโดนีเซียขอร้องให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของเมียนมาอดกลั้นและระงับการใช้กำลังและความรุนแรงอย่างที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความสูญเสียมากขึ้นไปกว่านี้



          อินโดนีเซียพยายามที่จะเป็นแกนนำสำคัญในกลุ่มอาเซียนเพื่อหาทางแก้ไขความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในเมียนมา นางเรตโน มาร์ซูดี รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย กล่าวเมื่อวันพุธที่แล้วว่า ได้หาทางที่จะพูดคุยกับทั้งฝ่ายกองทัพเมียนมาและตัวแทนของรัฐบาลเมียนมาที่ถูกโค่นลงจากอำนาจ



ชาวอาร์เจนตินา ประท้วงทั่วประเทศ คนวงในรัฐบาล แซงคิวฉีดวัคซีน



          ชาวอาร์เจนตินาเดินขบวนทั่วประเทศ ประท้วงกลุ่มคนที่รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ก่อนคนในสังคม และเป็นเรื่องอื้อฉาวที่ทำให้รัฐมนตรีสาธารณสุขลาออกเมื่อสัปดาห์ก่อน เนื่องจากมีการแฉว่า มีบางกลุ่มใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลระดับสูงเข้าถึงวัคซีนก่อน



          ผู้เดินขบวนรวมตัวกันหน้าที่ทำการรัฐบาลในกรุงบัวโนสไอเรส ถือป้ายเรียกร้องวัคซีนของประชาชน หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาล เปิดเผยรายชื่อ 70 คนที่รับวัคซีนก่อนเริ่มโครงการฉีดวัคซีนให้ประชาชน มีทั้งรัฐมนตรีเศรษฐกิจ อดีตประธานาธิบดีและครอบครัว เพื่อนรัฐมนตรีสาธารณสุข



          ผู้เดินขบวนแขวนถุงใส่ศพปลอมที่มีชื่อของคนเหล่านี้ ประธานาธิบดีอัลแบร์โต เฟอร์นันเดซ ทวีตตำหนิผู้เดินขบวนว่าไม่ควรใช้วิธีนี้ในการแสดงออกแบบประชาธิปไตย เพราะดูป่าเถื่อน นอกจากนี้ยังมีการเดินขบวนแสดงความไม่พอใจในอีกหลายเมืองพร้อมกัน



          อาร์เจนตินามีประชากร 44,0000,000 คน มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 กว่า 2,000,000 คน และเสียชีวิตราว 52,000 ราย รัฐบาล เปิดเผยว่า มีผู้ได้รับวัคซีนแล้ว 1,000,000 คน หลังจากฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์เป็นกลุ่มแรก และเริ่มฉีดให้ประชาชนตั้งแต่ปลายเดือนม.ค.64 ขณะนี้มีวัคซีนสปุตนิก วี จากรัสเซีย 1,220,000 ล้านโดส วัคซีนโควิชีลด์จากอินเดีย 580,000 โดส และวัคซีนจากชิโนฟาร์มของจีน 904,000 โดส



ปธน.บราซิล ขู่ตัดงบฯช่วยเหลือฉุกเฉิน พื้นที่ที่ล็อกดาวน์-เคอร์ฟิว



          ประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนาโร ของบราซิล ขู่จะตัดงบประมาณช่วยเหลือฉุกเฉินจากส่วนกลางกับรัฐต่างๆ ที่บังคับใช้คำสั่งล็อกดาวน์และกฎเคอร์ฟิว ควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 โดยระบุว่า ผู้ว่าการรัฐเหล่านี้กำลังทำลายการจ้างงานด้วยการล็อกดาวน์



          คำขู่ของนายโบลโซนาโร มีขึ้นขณะที่เกิดการระบาดใน 17 รัฐ จากทั้งหมด 26 รัฐของบราซิล ถึงจุดวิกฤต โดยผู้ว่าการหลายรัฐ บังคับใช้คำสั่งล็อกดาวน์และเคอร์ฟิว ควบคุมการระบาด รวมทั้งกรุงบราซิเลีย นครหลวง ซึ่งเป็นที่ตั้งของทำเนียบประธานาธิบดี โดยผู้ว่าการรัฐสั่งล็อกดาวน์ปิดภาคธุรกิจที่ไม่จำเป็นตลอด 24 ชั่วโมง



เกาหลีใต้ ใช้กระบอกฉีดที่มียาคงค้างในกระบอกน้อย เพิ่มจำนวนคนรับวัคซีนได้มากขึ้น



          สาธารณสุขเกาหลีใต้ ออกแนวทางใหม่ให้ศูนย์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 ทั่วประเทศใช้กระบอกฉีดที่มียาคงค้างในกระบอกน้อย เป็นการใช้วัคซีนอย่างคุ้มค่าที่สุด เพื่อเพิ่มจำนวนผู้รับการฉีดให้มากขึ้น เว็บไซต์สำนักข่าวยอนฮับ รายงานว่า สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคเกาหลี หรือKDCA เปิดเผยว่า หลังจากเริ่มโครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ระดับประเทศได้หนึ่งวัน พบว่า หลอดฉีดที่มียาคงค้างในกระบอกน้อย (Low Dead Space syringe) หรือ LDS ออกแบบมาให้ลดการสูญเสียวัคซีนให้น้อยที่สุดด้วยการลดช่องว่างระหว่างเข็มกับก้านฉีด



          การใช้กระบอกฉีดทั่วไป จะทำให้วัคซีนของบริษัทแอสตราเซเนกาและของบริษัทไฟเซอร์ แต่ละขวดจะสามารถฉีดได้ 10 คน และ 6 คน  แต่ถ้าปรับใช้หลอดฉีดรูปแบบใหม่ของ KDCA จะฉีดเพิ่มได้สูงสุด 12 คน และ 7 คนตามลำดับ อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับความชำนาญของบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นผู้ฉีดด้วย



          เกาหลีใต้ สั่งซื้อวัคซีนมากพอสำหรับฉีดไห้ได้ทั้งหมด 79,000,000 คน มากกว่าจำนวนประชากรที่มี 52,000,000 คน เกาหลีใต้ตั้งเป้าหมายว่าจะเกิดภูมิต้านทานหมู่ภายในเดือนพ.ย. 64



 

ข่าวทั้งหมด

X