แม้ว่า การขนส่งวัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซนเนกาจะเดินทางมาถึงประเทศไทยเมื่อวันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ เป็นหนึ่งในวัคซีนชุดแรกในเอเชีย-แปซิฟิก ที่ลำเลียงมาก่อนกำหนดเดิม แต่ยังไม่ได้เริ่มฉีดในประเทศไทย ล่าสุดนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กรณีที่ยังไม่สามารถฉีดวัคซีนของแอสตราเซนเนกาได้ เนื่องจากเป็นการดำเนินการของบริษัทแอสตราเซนเนกา ประเทศไทย ต่างจากกรณีซิโนแวคที่รัฐบาลเป็นผู้สั่งซื้อ จึงต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบ
นอกจากนั้น การฉีดวัคซีนกลุ่มแรกประมาณ 100,000 คน ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ก่อนที่วัคซีนแอสตราเซนเนกาล็อตใหญ่จะมาถึง เฉลี่ยเดือนละ 10 ล้านโดส นับเป็นการฉีดวัคซีนที่มาก จะได้ทดสอบดูผลข้างเคียง และจะทยอยฉีดประชาชนให้ได้สิ้นปีนี้ทั้งหมด พร้อมทั้งหาวัคซีนตัวอื่นมาสำรองไว้ให้เพียงพอ
ด้านบริษัทแอสตราเซนเนกา ประเทศไทยได้ทำหนังสือชี้แจงว่า ถึงแม้ขณะนี้วัคซีนจะได้เดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว แต่การนำออกใช้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อวัคซีนแอสตราเซนเนกาผ่านกระบวนการยืนยันคุณภาพครบถ้วนทุกขั้นตอน ตามกำหนดการ วัคซีนของแอสตราเซนเนกาชุดนี้จะผ่านขั้นตอนกระบวนการตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพภายในสัปดาห์ที่สองของเดือนมีนาคมนี้ ขณะนี้แอสตราเซนเนกากำลังทำงานร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขอย่างแข็งขันเพื่อประชาชนชาวไทย เพื่อให้นำวัคซีนออกใช้ได้ทันทีเมื่อผ่านกระบวนการตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพ
แอสตราเซนเนกา ยังยืนยันด้วยว่า วัคซีนแต่ละชุดผ่านการทดสอบมาตรฐานคุณภาพต่าง ๆ กว่า 60 ครั้ง ตลอดเส้นทางจากการผลิตถึงการฉีด วัคซีนของแอสตราเซนเนกาชุดนี้ เป็นหนึ่งในวัคซีนชุดแรกในเอเชีย-แปซิฟิก ที่ลำเลียงมาก่อนกำหนดเดิม ที่วางไว้ในไตรมาสที่ 2 เนื่องจากภารกิจของรัฐบาลไทยที่ได้สนับสนุนการผลิตวัคซีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หวังว่าพันธกิจนี้จะส่งสัญญาณความเชื่อมั่นไปยังประชาชนชาวไทยว่ากระบวนการต่อสู้กับโรคระบาดกำลังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง