นายเทรเวอร์ เบดฟอร์ด (Trevor Bedford) ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์วิจัยโรคมะเร็ง เฟรด ฮัตชินสัน มหาวิทยาลัยแห่งรัฐวอชิงตัน สหรัฐฯ เปิดเผยว่าภาพรวมการระบาดของโรคโควิด-19 ในสหรัฐฯเริ่มมีแนวโน้มลดลงหลังประชาชนจำนวนมากเข้ารับการฉีดวัคซีน แต่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ของสหรัฐฯคาดว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์จะเป็นสายพันธุ์หลักที่ยังคงแพร่ระบาดในสหรัฐฯต่อเนื่องจนถึงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมนี้
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐฯพบเชื้อไวรัสโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์จากอังกฤษ,แอฟริกาใต้ และบราซิลแล้วรวม 1,900 คนทั่วประเทศ โดยเฉพาะรัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ โดยส่วนใหญ่(1,881 คน) เป็นเชื้อไวรัสโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์จากอังกฤษหรือ สายพันธุ์ B.1.1.7 ซึ่งมีจุดเด่นคือแพร่ระบาดเร็วกว่าเชื้อไวรัสดั้งเดิม
ขณะเดียวกัน ประชาชนราว 44,500,000 คนในสหรัฐฯเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้ว ส่วนอีกกว่า 19,800,000 คน หรือร้อยละ 6 ของประชากรทั้งหมดของสหรัฐฯ ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนของสหรัฐฯ รวมทั้งนาย เบดฟอร์ด มั่นใจว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในสหรัฐฯจะเริ่มลดลงในฤดูร้อนหรือระหว่างเดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายนนี้
ด้านการกระจายวัคซีน บริษัทไฟเซอร์และบริษัทโมเดอร์นาของสหรัฐฯให้คำมั่นจะส่งมอบวัคซีนรวม 220 ล้านโดสให้กับสหรัฐฯภายในปลายเดือนมีนาคมนี้ ขณะที่วัคซีนจากบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันของสหรัฐฯซึ่งหลายฝ่ายคาดว่าจะได้รับอนุมัติจากองค์การอาหารและยาสหรัฐฯในสัปดาห์นี้ ให้คำมั่นจะส่งมอบวัคซีน 20 ล้านโดสให้กับรัฐบาลสหรัฐฯภายในปลายเดือนมีนาคมนี้เช่นกัน
ในปัจจุบันสหรัฐฯมีผู้ป่วยสะสม 28,897,718 คน เสียชีวิต 514,996 ราย
Cr: CNN, Clayton News Daily