หลังนายแพทย์จากเดนมาร์ก ออกมาระบุว่า ต้องสงสัยว่าไวรัสโควิด-19 ระบาดจากตลาดนัดสวนจตุจักรของประเทศไทย ล่าสุด ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผอ.ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ สภากาชาดไทย คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟชบุ๊กธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha ทำความเข้าใจว่า “การที่พบเชื้อไวรัสตัวแม่พิมพ์หรือตัวปั๊มแบบนี้ อย่าเข้าใจผิดว่า เชื้อไวรัส โควิด-19 มีต้นกำเนิดอยู่ที่ประเทศไทย เพราะถิ่นที่อยู่อาศัยของค้างคาว สายพันธุ์นี้กว้างขวางไปหมดทั้งประเทศจีนและเอเชียกลาง พม่า ลาว เขมร เวียดนามฟิลิปปินส์เลยไปถึงอินโดนีเซีย”
ทั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ทั้งไวรัสที่ได้จากการป้ายเก็บเชื้อจากทวาร รวมทั้งมีการเก็บเลือดหาลักษณะของการตอบสนองของภูมิคุ้มกันต่อไวรัสด้วย และที่น่าแปลกก็คือถึงแม้ว่าลักษณะของไวรัสนั้นจะขาดท่อนที่จับติดกับมนุษย์หรือ ส่วนที่เรียกว่า receptor binding domain (RBD) ก็ตาม แต่เลือดของค้างคาว ก็สามารถยับยั้งไวรัสที่อยู่ในกลุ่ม โควิด-19 ได้ที่มีส่วนของ RBD
การพบเชื้อในลักษณะนี้เป็นการตอกย้ำว่าในปัจจุบันและในอนาคตอันใกล้เป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะมีการควบรวมประกอบร่างของไวรัสที่เป็นตัวปั๊มหรือแม่พิมพ์ที่พร้อมจะผสมรวมกับไวรัสอื่นที่อยู่ในตระกูลโคโรนาในสัตว์อื่น ๆ และทั้งนี้แม้ตัว โควิด-19 เองก็ตามก็มีศักยภาพและความสามารถที่จะแพร่เข้าไปในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นทั้งหมา แมว เสือ ลิง ชะนีและมิ้งค์ ที่มีการฆ่าไปหลายล้านตัว และการที่จะเข้าไปในสัตว์อื่นนั้น ไวรัสจากคนเองต้องปรับเปลี่ยนหน้าตาเพื่อให้อยู่กับสัตว์ชนิดใหม่ได้ และยิ่งไปกว่านั้น ไวรัสที่อยู่กับสัตว์เหล่านี้มีรายงานทยอยตามกันมาว่าสามารถกลับเข้ามาติดมนุษย์ใหม่ได้ สิ่งที่มนุษย์โลกต้องเผชิญต่อจากนี้ เป็นสงครามเต็มรูปแบบระหว่างเชื้อโรคกับคน ทั้งนี้ การหาไวรัสในสัตว์ต่างๆ นั้น อาจเป็นเรื่องรองแล้ว ทั้งนี้จากการที่เราสำรวจไวรัสในสัตว์ป่ารวมทั้งค้างคาวมา 20ปีแล้ว พิสูจน์ยืนยันชัดเจนว่าไวรัสมีความสามารถในการผ่องถ่ายตัวเองจากสัตว์อมโรค โดยสัตว์ไม่มีอาการมายังสัตว์ชนิดอื่น และในที่สุดมาเข้าคนแล้ว จากนั้นมีการติดต่อจากคนสู่คนด้วยกัน
สิ่งที่ต้องทำ โดยรีบด่วนคือต้องมีความสามารถในการตอบโจทย์ว่า คนที่มีการติดเชื้อนั้น ติดเชื้อจากอะไร เชื้อที่ติดนั้น เป็นเชื้อที่เรารู้กันอยู่แล้ว หรือเป็นเชื้อที่หน้าตาเปลี่ยนไป เช่นกลุ่มวาเรียนท์ของโควิด-19 หรือจะเป็นโควิดหน้าตาใหม่เอี่ยม ที่ไม่เคยมีมาก่อน รวมกระทั่งถึงไวรัสในกลุ่มครอบครัวอื่นๆ ทั้ง 24 ครอบครัวเป็นต้น ซึ่งในที่สุดก็จะดาหน้าเข้ามาติดเชื้อในมนุษย์ และวิธีการตรวจนั้นต้องสามารถเข้าถึงได้ ตรวจได้รวดเร็ว จำนวนมากและแน่นอนราคาจับต้องได้ และเมื่อทราบว่าเป็นเชื้ออะไร จะได้รักษาถูกป้องกันได้ทันท่วงทีจนกระทั่งถึงพัฒนายาและวัคซีนแบบใหม่ขึ้นมาได้ทันกาล เมื่อนั้นเราถึงจะเสมอกับเชื้อในสงครามครั้งนี้แต่ยังคงไม่ถึงกับชนะเด็ดขาด
ก่อนหน้านี้ Politiken สื่อเดนมาร์ก รายงานว่า หลังจากทีมวิจัยจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ไปเยือนเมืองอู่ฮั่นประเทศจีนเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาเพื่อสืบหาต้นตอการแพร่ระบาดของโควิด-19 และพบหลักฐานว่า โควิด-19 ไม่น่าเกิดขึ้นที่อู่ฮั่นเป็นที่แรก ล่าสุดนักวิจัยของ WHO เชื่อว่า โควิด-19 อาจมาจากประเทศอื่นที่ไม่ใช่จีน และหนึ่งในสมมติฐานคือมาจาก “ประเทศไทย” ทีมนักวิจัยขององค์การอนามัยโลก WHO มองว่า “ตลาดนัดจตุจักร” ของบ้านเรา ซึ่งเป็นแหล่งจำหน่ายสัตว์มีชีวิตจากทั่วทุกมุมโลก อาจเป็นต้นตอที่แท้จริงของการระบาด
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2020 มีผู้เชี่ยวชาญบางรายบอกว่า ตลาดจตุจักรเป็นแหล่งเพาะฟักที่สมบูรณ์แบบสำหรับไวรัสชนิดใหม่ และตอนนี้ตลาดชื่อดังของไทยกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง หลัง ศ.ดร.ธีอา ฟิชเชอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข การติดเชื้อ และโรคระบาด จากโรงพยาบาลนอร์ทซีแลนด์ เดนมาร์ก มองว่า “มีความเป็นไปได้มาก” ที่โควิด-19 จะแพร่จากตลาดขายสัตว์จุตจักรไปยังอู่ฮั่น โดยเธอบอกว่า ตลาดนัดจตุจักรในกรุงเทพฯ ซึ่งขายสัตว์แทบจะทุกอย่างตั้งแต่เมียร์แคต งู แมงมุม ค้างคาว หมาน้ำ เป็นหนึ่งในสถานที่เสี่ยงอย่างมากที่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากข้อมูลขององค์กรสัตว์ระหว่างประเทศ จตุจักรเป็นศูนย์กลางการค้าสัตว์แปลกในเอเชีย
ทฤษฎีใหม่ของ WHO เชื่อว่า มีค้างคาวติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งก่อโรคโควิด-19 แล้วแพร่กระจายเชื้อไปยังสัตว์อื่น ซึ่งอาจถูกนำมาขายที่ตลาดนัดจตุจักร และขายต่อไปยังอู่ฮั่น จนติดเชื้อสู่คนในที่สุด หรืออีกกรณีหนึ่งคือ มีคนในไทยติดเชื้อจากสัตว์ในจตุจักร แล้วเดินทางไปยังอู่ฮั่น
CR:https://www.facebook.com/thiravat.h/posts/4254074554626066