หลังวัคซีนโควิด-19 นำส่งถึงประเทศไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ ได้นำวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากซิโนแวคมาเก็บที่คลังสินค้าของบริษัท DKSH ประเทศไทย (จำกัด) จำนวน 200,000 โดสที่มีประสบการณ์ในการจัดเก็บวัคซีนชนิดเชื้อตาย ทั้งไข้หวัด โปลิโอ โดยการมาของวัคซีนครั้งนี้ยังคงเป็นไปตามสัญญาที่มาในเดือนกุมภาพันธ์ 200,000 โดส และในเดือนมีนาคม 800,000 โดสและเดือนเมษายน 1,000,000 โดส ความสำเร็จครั้งนี้ต้องขอบคุณสถานทูตจีน และขอให้ประชาชนมั่นใจในระบบสาธารณสุข หลังจากนี้ จะนำวัคซีนไปสุ่มตรวจรุ่นการผลิตว่า ตรงตามที่สำแดงหรือไม่ ทั้งประสิทธิภาพทางกายภาพและทางเคมี และมีข่าวดี ว่าในช่วงบ่ายวันนี้วัคซีนจากบริษัท แอสตราเซเนกาจะมาถึงไทย และนำมาเก็บที่คลังสินค้านี้เช่นกัน จำนวน 117,000 โดส
ส่วนกรณีที่ไทยมีวัคซีนทั้งสั่งซื้อและผลิตในประเทศที่กำลังจะมีขึ้นในเดือน พ.ค.อีก 26 ล้านโดส รวมถึงนายกรัฐมนตรีสั่งซื้อเพิ่มอีก 35 ล้านโดส และล็อตนี้ที่ได้รับอีก จะทำให้ไทย มีวัคซีนมากที่สุดในเอเชีย และครอบคลุมจำนวนประชากรไม่แพ้ชาติใดในโลก
นอกจากนั้น นายอนุทินยังได้เข้าไปตรวจสอบผลิตภัณฑ์ ที่ส่งมาด้วยตัวเอง อีกด้วย โดยพบว่า 1 กล่อง มีการบรรจุวัคซีน 40 หลอด
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ภาพรวมของการตรวจสอบวัคซีนของแอสตราเซเนกา อาจจะใช้เวลา 3 วันไม่แตกต่างกัน จะดูเรื่องความปลอดภัยความเป็นกรดเป็นด่างสีของวัคซีนรวมถึงการปนเปื้อนของสารอื่น ๆ แต่เนื่องจากวัคซีน 2 ชนิดนี้ผลิตด้วยเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน จึงมีความแตกต่างกันในขั้นตอนของการตรวจสอบวัคซีนว่า ความแรงของวัคซีนสามารถกระตุ้นหรือสร้างภูมิคุ้มกันตามที่ได้มีการอ้างอิงที่ให้ไว้ในเอกสารที่แนบมาหรือไม่ ซึ่งวัคซีนซิโนแวค เป็นเชื้อตาย และเป็นเทคโนโลยีเก่าสามารถตรวจสอบได้ง่าย ส่วนของแอสตราฯ จะตรวจสอบยากขึ้นเล็กน้อยแต่ก็มีการศึกษาเอกสารหลักฐานข้อมูลที่ได้ยินมาก่อนหน้านี้เอาไว้แล้วจึงมีความพร้อมที่จะตรวจสอบวัคซีนทั้ง 2 ชนิด
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การตรวจสอบวัคซีนแอสตราเซเนกาถึงประสิทธิภาพนั้น ไม่แตกต่างกัน และจะใช้เวลาให้เร็วที่สุด ส่วนเรื่องที่มาวัคซีนแอสตราเซเนกาจะมาจากที่ใดนั้น ไม่อยากให้โฟกัส เพราะมาจากเครือข่ายของบริษัทแอสตราเซเนกาที่มีอยู่ทั่วโลก