ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวถึง สถานการณ์การก่อการร้ายจากพวกหัวรุนแรงในรูปแบบต่างๆ จะถูกปราบปรามจนหมดไป แต่ต้องไม่ใช้อาวุธ พร้อมย้ำว่าสหรัฐฯมีความได้เปรียบอย่างมากในการปราบปรามพวกหัวรุนแรง เพราะพลเมืองของสหรัฐฯที่เป็นชาวมุสลิมภาคภูมิใจในความเป็นคนอเมริกัน ซึ่งแตกต่างกับชาวมุสลิมในประเทศยุโรปและคนเหล่านี้จะช่วยให้เอาชนะพวกหัวรุนแรงได้อย่างแน่นอน
สำนักข่าวบีบีซี รายงานอ้างกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯว่า รัฐบาลสหรัฐฯจะส่งทหาร 400 นายและเจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนอีกหลายร้อยคนไปช่วยฝึกอบรมให้กับกลุ่มกบฏสายกลางเพื่อสู้รบกับกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส)ในซีเรีย เบื้องต้นยังไม่ทราบชัดเจนว่าจะมีการดึงกำลังทหารจากหน่วยใดและจะไปประจำการอยู่ที่เมืองใด แม้ว่าตุรกี กาตาร์และซาอุดิอาระเบียได้เสนอตัวที่จะจัดตั้งฐานทัพรองรับทหารสหรัฐฯก็ตาม รัฐบาลสหรัฐฯตั้งเป้าจะช่วยฝึกอบรมนักรบฝ่ายกบฏกว่า 5,000 คนต่อปีในช่วง 3 ปีนี้ นับเป็นการขยายโครงการฝึกอบรมนักรบกบฏซีเรียของสหรัฐฯจากที่เริ่มต้นขึ้นที่กาตาร์เมื่อเดือนมีนาคม 2556 โครงการลับดังกล่าวดำเนินการโดยหน่วยซีไอเอของสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้ หน่วยซีไอเอแถลงเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อนว่าจะขยายโครงการนี้ และจะมีการจัดทำโครงการลักษณะเดียวกันนี้ดำเนินการควบคู่กันไปโดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ การแถลงครั้งล่าสุดนี้มีขึ้นหลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯพบปะกับแกนนำฝ่ายต่อต้านซีเรียในนครอิสตันบูลของตุรกี
ส่วนที่อิรัก สหรัฐฯได้ส่งทหารกว่า 3,000 คนไปช่วยฝึกอบรมให้แก่กองกำลังชาวเคิร์ดและชาวอิรัก ด้านนักวิจารณ์ระบุว่าภารกิจฝึกอบรมนี้ของสหรัฐฯถือว่ามีขนาดเล็กและล่าช้าเกินไปในอันที่จะปราบปรามกลุ่มไอเอสได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบุว่ากลุ่มไอเอสมีกำลังรบมากถึง 31,500 คน นอกจากนี้ มีความหวั่นวิตกว่าสหรัฐฯอาจจะลงเอยด้วยการช่วยฝึกอบรมให้แก่กลุ่มกบฏที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มหัวรุนแรงอื่นๆเช่นกลุ่มอัลนุสราฟร้อนท์ ที่้เชื่อมโยงกับกลุ่มอัลกออิดะห์