นำตัวเข้าห้องผ่าตัด! ไทเกอร์ วูดส์ รถคว่ำ ในลอสแอนเจลิส
ไทเกอร์ วูดส์ นักกอล์ฟชื่อดังก้องโลก ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล หลังเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำขณะเดินทางในนครลอสแอนเจลิส วูดส์ ขับรถยนต์อเนกประสงค์รุ่น ‘Genesis GV80’ เพียงคนเดียว มุ่งหน้าขึ้นเหนือบนถนน ฮอว์ธอร์น บูเลวาร์ด ในนครลอสแอนเจลิส
สำนักงานนายอำเภอเขตลอสแอนเจลิส เคานตี้ ระบุในแถลงการณ์ว่า เจ้าหน้าที่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยนำตัววูดส์ออกมาจากซากรถ และรีบนำตัวขึ้นรถพยาบาลส่งศูนย์การแพทย์ Harbor-UCLA โดยมีอาการสาหัส
ด้านนายมาร์ก สตีนเบิร์ก ตัวแทนของวูดส์ เปิดเผยกับสำนักข่าวเอ็นบีซีนิวส์ว่า วูดส์ ต้องเข้ารับการผ่าตัดรักษาอาการบาดเจ็บหลายแห่งที่ขา
ลอสแอนเจลิส ไทม์ส รายงานอ้างคำพูดของตำรวจผู้ไม่ขอเปิดเผยนามนายหนึ่งด้วยว่า วูดส์ขับรถมาด้วยความเร็วสูง และเสียการควบคุม ก่อนที่รถจะพุ่งข้ามเกาะกลางถนน และกลิ้งหลายตลบลงข้างทาง
วูดส์ อยู่ที่ลอสแอนเจลิส ในฐานะเจ้าภาพจัดการแข่งขันกอล์ฟ Genesis Invitational ที่ริเวียรา คันทรี คลับ ที่สิ้นสุดลงไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยที่ วูดส์ ไม่ได้ร่วมแข่งขันด้วยเพราะต้องพักฟื้นจากการผ่าตัดหลังครั้งที่ 5 และเพิ่งให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหวังว่าจะได้กลับมาลงแข่งรายการมาสเตอร์ในเดือนเม.ย.64
เจ้าชายฟิลิป มีอาการติดเชื้อ ต้องประทับที่โรงพยาบาลต่ออีกหลายวัน
สำนักพระราชวัง บักกิงแฮม เปิดเผยว่า เจ้าชายฟิลิป พระสวามีในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 กำลังรับการรักษาอาการติดเชื้อ และคาดว่าจะต้องพระทับที่โรงพยาบาล คิง เอ็ดเวิร์ด ที่ 7 ในกรุงลอนดอนต่อไปอีกหลายวัน แต่ย้ำว่า พระองค์รู้สึกสบายดีและตอบสนองต่อการรักษาอย่างดี
เจ้าชายฟิลิป พระชนมายุ 99 พรรษา เข้าโรงพยาบาล คิง เอ็ดเวิร์ด ที่ 7 เมื่อวันที่ 16 ก.พ.64 เพื่อป้องกันไว้ก่อนหลังจากพระองค์รู้สึกประชวร ซึ่งไม่มีการเปิดเผยว่าเป็นอะไร แต่แหล่งข่าวบอกกับสำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น ว่า ไม่เกี่ยวข้องกับไวรัสโควิด-19
ด้านเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด เอิร์ลแห่งเวสเซกซ์ เสด็จเยี่ยมเจ้าชายฟิลิป เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยทรงเปิดเผยต่อสำนักข่าวสกาย นิวส์ ว่า พระบิดาของพระองค์รู้สึกดีขึ้นมาก รวมทั้งขอบคุณสำหรับข้อความแสดงความห่วงใยจากสังคม และกำลังเฝ้ารอที่จะได้ออกจากโรงพยาบาล
ทั้งนี้ ควีนเอลิซาเบธกับเจ้าชายฟิลิป ใช้เวลาส่วนใหญ่ของปี 63 ที่พระราชวังวินเซอร์ หลังย้ายออกมาจากพระราชวังบักกิงแฮม เนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกแรก ขณะที่สำนักพระราชวังยืนยันเมื่อเดือนม.ค.64ว่า ทั้งสองพระองค์ได้รับวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาโดสแรกแล้ว
ผลวิจัยของอังกฤษ พบวัคซีนไฟเซอร์และแอสตราเซเนกา ลดติดเชื้อ-ป่วยหนัก ได้จริง
ศูนย์เพื่อการควบคุมและการป้องกันโรค (CDC) ระบุว่า ขณะนี้ชาวอเมริกันกว่า 61,000,000 คนได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อยโดสแรก และ 18,000,000 คนฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้ว พ.ญ.โรแชลล์ วาเลนสกี้ ผู้อำนวยการศูนย์ CDC ระบุว่า อัตราการเสียชีวิตของชาวอเมริกันขณะนี้ลดลงต่ำที่สุดนับจากเดือนธ.ค.63 ขณะที่ จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเฉลี่ยในรอบ 7 วันล่าสุดลดลงถึงร้อยละ 39
นอกจากนั้น ยังมีข่าวดีเกี่ยวกับวัคซีนจากสหราชอาณาจักร สำนักงานสาธารณสุขอังกฤษ เปิดเผยรายงานการวิเคราะห์ที่พบว่า
-วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค สามารถลดความเสี่ยงในการติดโควิด-19 กว่าร้อยละ 70 หลังจากฉีดโดสแรก
-หลังฉีดโดสที่สอง ลดความเสี่ยงได้ร้อยละ 85
ผลศึกษาที่มาจากข้อมูลจริง ไม่ใช่การทดลองทางคลินิก ยังพบว่า คนที่ฉีดวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์มีแนวโน้มเสียชีวิตหรือเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลลดลงถึงกว่าร้อยละ 75
นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยเอดินบะระ ในสกอตแลนด์ รายงานผลการวิจัยจากข้อมูลที่ครอบคลุมประชากร 5,400,000 คนของสกอตแลนด์ระหว่างวันที่ 8 ธ.ค.63-15ก.พ.64 และเป็นงานวิจัยชิ้นแรกที่อธิบายผลการฉีดวัคซีนในการป้องกันการป่วยรุนแรงที่ทำให้ต้องเข้าโรงพยาบาลทั่วประเทศ ขณะที่ งานวิจัยประสิทธิภาพวัคซีนก่อนหน้านี้ล้วนมาจากการศึกษาทางคลินิก ทีมนักวิจัย ย้ำว่า ผลการศึกษานี้ใช้ได้กับประเทศอื่นๆ ที่ฉีดวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์และแอสตราเซเนกา พบว่า
-หลังฉีดวัคซีนโดสแรกของบริษัทไฟเซอร์ 4 สัปดาห์ ความเสี่ยงในการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจากการติดโควิด-19 ลดลงถึงร้อยละ 85
-เมื่อฉีดวัคซีนของออกซ์ฟอร์ด-แอสตราเซเนกา แล้ว ความเสี่ยงในการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจากการติดโควิด-19 ลดลงถึงร้อยละ 94
-นอกจากนั้น ยังพบว่า ในกลุ่มคนอายุ 80 ปีขึ้นไป ความเสี่ยงในการต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลในสัปดาห์ที่ 4 หลังฉีดวัคซีนทั้งของบริษัทไฟเซอร์และแอสตราเซเนกา ลดลงถึงร้อยละ 81
นพ.ฟาวซี ย้ำยังคาดการณ์ไม่ได้ว่าเมื่อใดสหรัฐฯจะหลุดพ้นการระบาดของโควิด
นพ.แอนโทนี ฟาวซี ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านโรคติดเชื้อของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหัวหน้าที่ปรึกษาด้านการแพทย์ของนายโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ แสดงความเห็นว่า ความแตกแยกทางการเมืองมีส่วนทำให้ชาวอเมริกันเสียชีวิตจากโควิด -19 จำนวนมากเกิน 500,000 ราย การสวมหน้ากากอนามัย ถูกทำให้เป็นการแสดงจุดยืนทางการเมืองมากกว่าการทำตามมาตรการสาธารณสุข ในส่วนตัว มองว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้มองว่า ความผิดอยู่ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตผู้นำสหรัฐฯทั้งหมด และรู้สึกผิดหวังมากเมื่อผู้ว่าการรัฐและนายกเทศมนตรีหลายคน เพิกเฉยต่อคำแนะนำของทีมเฉพาะกิจรับมือไวรัสของทำเนียบขาวยุคนายทรัมป์ และยังคงเดินหน้าผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ภายหลังฤดูใบไม้ผลิ
นายฟาวซี ย้ำว่า การระบาดของไวรัสกลายพันธุ์โดยเฉพาะสายพันธุ์จากแอฟริกาใต้และบราซิล ทำให้ยากลำบากมากขึ้นที่จะคาดการณ์กำหนดเวลาว่าเมื่อใดสหรัฐฯจะหลุดพ้นจากวิกฤตโควิด-19 รวมถึงการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่จากการฉีดวัคซีน
ก่อนหน้านี้ นายไบเดน กล่าวว่า สหรัฐฯไม่สามารถปล่อยให้สถานการณ์โรคระบาดเป็นแบบนี้ต่อไป พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนทุกคนร่วมกันต่อสู้ โดยทำตามมาตรการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคมต่อไป และรับการฉีดวัคซีน นายไบเดน ประกาศตั้งแต่แรกว่า การรับมือวิกฤตไวรัสเป็นภารกิจสำคัญอันดับต้นๆ และผลักดันโครงการเชิงรุกในการฉีดวัคซีน แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ที่มักพยายามทำให้โควิด-19 ดูเหมือนโรคธรรมดา และไม่ยอมประกาศมาตรการบังคับให้ประชาชนทั่วประเทศสวมหน้ากากอนามัยป้องกัน
เนรเทศทันที! นายกฯ กัมพูชา ไล่คนต่างชาติที่ไม่ทำตามมาตรการคุมโควิด
สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศมาตรการเข้มข้นในการควบคุมโควิด-19
-ชาวต่างชาติคนใดที่ไม่ให้ความร่วมมือหรือละเมิดมาตรการกักตัว ปฏิเสธหรือหลบหนีการรักษาและกระทำการใดก็ตามซึ่งเป็นการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้อง ต้องถูกผลักดันออกนอกราชอาณาจักร
-คนสัญชาติกัมพูชา จะถูกลงโทษตามกฎหมายของกัมพูชา
-สถานประกอบการแห่งใดก็ตามที่ไม่ให้ความร่วมมือด้านการสอบสวนโรคจะถูกเพิกถอนใบอนุญาตและต้องยุติกิจการ
รัฐบาลให้เหตุผลที่ต้องยกระดับความเข้มงวดของมาตรการเหล่านี้ เพราะมีเป้าหมายต้องการควบคุมการแพร่ระบาดภายในชุมชนให้รวดเร็วที่สุด กัมพูชามีผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสมอย่างน้อย 593 คน รักษาหายแล้ว 475 คน คงเหลือผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาอีกอย่างน้อย 118 คน ไม่มีผู้เสียชีวิต
โควิด-19 ทำให้ชาวเกาหลีใต้ มีความสุขน้อยลง ผู้หญิง วัยหนุ่มสาว ผู้สูงอายุ กระทบมากสุด
ผลสำรวจความเห็นล่าสุดชี้ว่า ชาวเกาหลีใต้มีความสุขน้อยลง เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ผู้หญิง วัยหนุ่มสาว ผู้สูงอายุ และพลเมืองที่มีรายได้ต่ำเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด
สถาบันรัฐประศาสนศาสตร์ของเกาหลีใต้ สำรวจความคิดเห็นชาวเกาหลีใต้วัยผู้ใหญ่ 8,336 คน ตั้งแต่เดือนก.ย.-ต.ค.63 และพบว่า ชาวเกาหลีใต้ให้คะแนนความสุขของตัวเองเฉลี่ยอยู่ที่ 6.4 คะแนนจากเต็ม 10 คะแนน ลดลง 0.1 จากปี 62 ยิ่งไปกว่านั้น อัตราผู้ตอบแบบสอบถามที่ระบุว่ามีความสุขมากลดลงจากร้อยละ 4.2 เหลือเพียงร้อยละ 1.5
ผลสำรวจความเห็นดังกล่าว ระบุว่า ชาวเกาหลีใต้รู้สึกไม่มั่นคงในสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โดยมีคะแนนเฉลี่ยด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 4.8 คะแนน ลดลง 0.2 และมีคะแนนความคาดหวังทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 5.4 คะแนน ลดลง 0.1
นอกจากนี้ การระบาดของโรคโควิด-19 ยังส่งผลกระทบต่อรัฐสวัสดิการของผู้หญิง วัยหนุ่มสาว ผู้สูงอายุ และพลเมืองที่มีรายได้ต่ำ
-ผู้หญิงมีคะแนนความสุขเฉลี่ย 6.4 คะแนน ลดลง 0.3 ครัวเรือนที่มีรายได้ไม่ถึง 3,000,000 วอน หรือ 81,000 บาทมีคะแนนความพอใจในชีวิตเฉลี่ย 6.0 คะแนน ลดลง 0.2
-วัยหนุ่มสาวที่มีอายุระหว่าง 19 – 29 ปี มีคะแนนความมั่นคงทางสถานการณ์เศรษฐกิจต่ำสุดที่ 4.5 คะแนน ลดลง 0.3
-ผู้สูงวัยอายุ 60 ปี ขึ้นไป มีคะแนนความพอใจ 4.6 คะแนน ลดลง 0.4
นักวิจัยของสถาบันรัฐประศาสนศาสตร์เกาหลีใต้ วิเคราะห์ว่า ผลสำรวจความคิดเห็นดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลเกาหลีใต้ จำเป็นต้องปรับนโยบายให้เหมาะสมกับกลุ่มคนที่แตกต่างกันเพื่อลดความเสี่ยงทางสังคมจากการระบาดของโรคโควิด-19 และเน้นย้ำว่า โครงข่ายความปลอดภัยและโครงสร้างพื้นฐานจะมีความสำคัญมากขึ้นในการรับประกันระดับพื้นฐานการดำรงชีวิต