สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ(ไออีเอ)ระบุว่า มีสัญญาณบ่งชี้ว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้นหลังการดิ่งสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายปี ทุกฝ่ายกำลังจับตามองว่าราคาน้ำมันจะลดลงไปอยู่ที่ระดับใด โดยระบุว่าการฟื้นตัวของราคาน้ำมันอาจจะไม่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้ แต่มีสัญญาณบ่งชี้ว่ามีโอกาสที่ราคาน้ำมันจะสูงขึ้นอีกครั้ง ราคาน้ำมันดิบร่วงลงกว่าครึ่งหนึ่งนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีก่อน เนื่องจากความวิตกกังวลเรื่องอุปทานน้้ำมันดิบที่ล้นตลาดโลก ขณะที่อุปสงค์อ่อนแอลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก นายไมเคิล ฮิวสัน นักวิเคราะห์จากบริษัทซีเอ็มซี มาร์เก็ต ตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อระดับราคาน้ำมันร่วงต่ำสุดสู่ระดับหนึ่งแล้วก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่ราคาจะค่อยๆดีดตัวขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากไออีเอ ปรับลดการคาดการณ์การขยายตัวของผลผลิตน้ำมันนอกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ลดลง 350,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งถือเป็นการปรับลดการคาดการณ์ครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ทางหน่วยงานได้เริ่มเผยแพร่การคาดการณ์ของปี 2558 เมื่อเดือนก.ค.ปีที่แล้ว ทำให้สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 2.44 ดอลลาร์ ปิดที่ 48.69 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ.ที่ตลาดลอนดอน พุ่งขึ้น 1.9 ดอลลาร์ ปิดที่ 50.17 ดอลลาร์/บาร์เรล การปรับลดคาดการณ์ครั้งนี้เป็นเพราะผลผลิตของประเทศโคลัมเบียที่ลดลง ในขณะที่ผลกระทบต่อการผลิตของสหรัฐฯ ยังมีไม่มากนัก อย่างไรก็ดี ไออีเอ มองว่า ผลผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปคที่ชะลอตัวลงจะช่วยทำให้ตลาดน้ำมันทั่วโลกซึ่งปัจจุบันอยู่ในภาวะอุปทานล้นตลาด กลับคืนสู่ภาวะสมดุลอีกครั้งในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะส่งผลให้ราคาน้ำมันฟื้นตัวขึ้นด้วย
ความเคลื่อนไหวการลงทุนในตลาดหุ้นดาวโจนส์ การซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กกลับมาคึกคักอีกครั้ง ปิดที่ 17,511.57 จุด พุ่งขึ้น 190.86 จุด ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,634.38 จุด เพิ่มขึ้น 63.56 จุด ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,019.42 จุด เพิ่มขึ้น 26.75 จุด เนื่องจากได้รับผลดี
เรื่องผลประกอบการที่แข็งแกร่งของภาคเอกชน รวมถึงโกลด์แมน แซคส์ และอินเทล คอร์ป นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐฯ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 ปี ซึ่งปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากที่ร่วงลงติดต่อกัน 5 วันทำการก่อนหน้านี้
ส่วนตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกเช่นกันเพราะได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) 22 ม.ค. จะประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ครั้งใหม่ในการประชุมสัปดาห์หน้า หลังจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ประกาศยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนฟรังก์สวิสเมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.20 ฟรังก์สวิส พร้อมลดอัตราดอกเบี้ย โดยมีเป้าหมายที่จะควบคุมค่าเงินฟรังก์สวิสไม่ให้แข็งค่ามากเกินไปเมื่อเทียบกับยูโร รวมทั้งไม่ให้เศรษฐกิจของประเทศถดถอย และตกอยู่ในภาวะเงินฝืด
ส่วนสัญญาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีปฏิกริยาต่อข่าวที่ว่า ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ตัดสินใจยกเลิกมาตรการควบคุมสกุลเงินฟรังก์ ด้วยการยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนฟรังก์สวิสเมื่อเทียบกับยูโร สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 12.1 ดอลลาร์ หรือ ปิดที่ 1,276.9 ดอลลาร์/ออนซ์ ทั้งนี้ การประกาศยกเลิกมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะควบคุมค่าเงินฟรังก์สวิสไม่ให้แข็งค่ามากเกินไปเมื่อเทียบกับยูโร รวมทั้งไม่ให้เศรษฐกิจของประเทศถดถอย และตกอยู่ในภาวะเงินฝืด