'อนุทิน' ขอทุกฝ่ายคิดถึงบ้านเมือง อย่าใช้เรื่องวัคซีนเป็นประเด็นทางการเมือง

          นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  เปิดเผยความคืบหน้าในการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ว่า ทางผู้ผลิตจากประเทศจีนรับรองแล้วว่า จะส่งวัคซีนในวันที่ 24 ก.พ.64 แน่นอน และยังแสดงความยินดีที่ได้ช่วยเหลือภารกิจด้านสุขภาพของคนไทย และหลังจากนี้ไทยจะได้วัคซีนต่อเนื่องตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป ส่วนจะฉีดให้กลุ่มใด พื้นที่ไหนบ้าง จะเป็นไปตามการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารจัดการวัคซีนที่เป็นผู้รับผิดชอบ โดยที่นายอนุทินจะไม่เข้าไปแทรกแซง  รวมทั้งตัวนายอนุทินและพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะได้รับวัคซีนเมื่อไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการวัคซีนเช่นกัน

          ส่วนขั้นตอนหลังจากวัคซีนมาถึง ทางองค์การอาหารและยา หรือ อย. และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจ ก่อนจะปักเข็มฉีดลงบนแขนคนไทย  พร้อมย้ำว่า การจะได้วัคซีนมาแต่ละโดสนั้น ต้องแข่งขันสูงมาก แต่ทีมสาธารณสุขไทยทำงานอย่างหนักจนประสบความสำเร็จ ถือเป็นเรื่องน่าชื่นชม

          นายอนุทิน ยังระบุว่า หลายครั้งที่ฝ่ายการเมืองทำให้เรื่องวัคซีนกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบาก เพราะนำไปเป็นประเด็นทางการเมือง ซึ่งทางผู้ผลิตไม่ต้องการตกเป็นเหยื่อการเมือง ยิ่งไปกว่านั้น ฝ่ายการเมืองยังมีการให้ข่าวว่าวัคซีนที่ไทยนำเข้ามามีประสิทธิภาพต่ำ หรือมีผลข้างเคียงทำให้ประชาชนเกิดความสับสน แทนที่จะสื่อสารเพื่อสร้างความมั่นใจ นำเสนอข้อเท็จจริงว่าการฉีดวัคซีนจะช่วยลดอาการป่วยรุนแรงและลดอัตราการเสียชีวิต  จึงขอให้ฝ่ายการเมืองนำเสนอเพื่อให้ชาติเดินหน้าไปได้ ดีกว่ามุ่งทำทุกทางเพื่อเอาชนะคะคานกัน

           นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกรณีมีการกล่าวหาว่ารัฐบาลผูกขาดล็อกสเป็กวัคซีน โดยย้ำว่า ไทยพร้อมเจรจากับผู้ผลิตทุกราย พร้อมจะขึ้นทะเบียนวัคซีนของทุกบริษัท หากเป็นไปตามเงื่อนไขที่สำคัญ คือความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ  แต่ขณะนี้ ผู้ผลิตหลายรายเสนอมอบวัคซีนในช่วงกลางปี ถึงปลายปี ซึ่งทับซ้อนกับที่ไทยจะได้วัคซีนจากผู้ผลิตฝั่งยุโรปอยู่แล้ว  ซึ่งวัคซีนมีอายุขัยไม่มาก การจะเก็บไว้หลายๆ เดือน จึงไม่เหมาะสม ไทยจึงไม่นำวัคซีนเข้ามาจนค้างสต็อก นอกจากนี้ ไทยยังสามารถผลิตวัคซีนได้เองด้วย จึงนับว่าไทยเป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางสุขภาพอย่างยิ่ง