ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา 08.30 น.วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564

22 กุมภาพันธ์ 2564, 09:17น.


คนตกงานก่อน 19 ม.ค.ได้สิทธิ เราชนะ-ตกงานหลัง 19 ม.ค.รับสิทธิ ม33 เรารักกัน



          การลงทะเบียนในกลุ่มคนที่อยู่ในระบบประกันสังคม เพื่อเยียวยาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า วันแรก 21 ก.พ.64 ที่เปิดให้ลงทะเบียนออนไลน์ทางเว็บไซต์ www.ม33เรารักกัน.com มีผู้ลงทะเบียนแล้วกว่า 6,300,000 คน จากจำนวนผู้มีสิทธิทั้งหมด 9,270,000  กว่าคน โดยคิดเป็นร้อยละ 60 ของจำนวนทั้งหมด และคาดการณ์ว่าผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จะลงทะเบียนแล้วเสร็จภายใน 3 วัน ภายหลังวันที่ 7 มี.ค.64 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการเปิดลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ หากมีผู้ลงทะเบียนไม่ได้ สำนักงานประกันสังคมจะเปิดให้ทบทวนสิทธิอีกครั้งในวันที่ 15-28 มี.ค.64 ทั้งผ่านช่องทางออนไลน์ www.ม33เรารักกัน.com และการลงพื้นที่เชิงรุกตามสถานประกอบการของผู้ที่ลงทะเบียนไม่ได้เพื่ออำนวยความสะดวกและตรวจสอบข้อมูลให้เรา



          รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน  เปิดเผยว่า ได้หารือถึงกลุ่มพิเศษ ที่ไม่สามารถลงทะเบียนผ่านสมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์ กลุ่มนี้อาจต้องหาวิธีลงทะเบียน ม33เรารักกัน ให้คุยกันว่าอาจใช้ช่องทางเดียวกับเราชนะ ที่ให้กลุ่มพิเศษ เช่น ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ฯลฯ ลงทะเบียนผ่านธนาคารของรัฐ อย่างไรก็ตาม จะดูข้อมูลประกอบ และพิจารณาหาข้อสรุปอีกครั้ง



          สำหรับกลุ่มตกงานหรือเพิ่งออกจากงาน ข้อมูลจากสำนักงานประกันสังคม ระบุว่า มีวันที่ออกจากงาน โดยไม่ได้เข้าทำงานที่ใหม่ ซึ่งหมายถึงวันที่ออกจากกลุ่มผู้ประกันตนมาตรา 33 เป็นตัวกำหนด เป็นเกณฑ์



-หากออกจากงาน หรือตกงาน ขาดจากความเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 หลังวันที่ 19 ม.ค. 64 ยังได้รับสิทธิ ม33เรารักกัน ตรวจสอบคุณสมบัติอื่นๆหากมั่นใจว่าครบถ้วน ลงทะเบียนได้ที่ https://register.ม33เรารักกัน.com



-หากออกจากงาน หรือตกงาน ก่อนวันที่ 19 ม.ค.63 ไม่สามารถรับสิทธิ ม33เรารักกันได้ แต่สามารถขอรับสิทธิเราชนะ ซึ่งสามารถลงทะเบียนได้ที่ธนาคาร 3 แห่ง กรุงไทย ออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ทุกสาขา จนถึง 5 มี.ค.64



          สำนักงานประกันสังคม ส่งฐานข้อมูล ผู้ประกันตนมาตรา 33 ให้กับโครงการเราชนะ เพื่อใช้ในการคัดกรองคุณสมบัติผู้ได้รับสิทธิเราชนะที่ต้องไม่อยู่ในกลุ่มผู้ประกันตน มาตรา 33 โดยเป็นข้อมูลล่าสุด วันที่ 19 ม.ค.64 ทำให้คนที่ออกจากงาน หรือ ตกงาน ก่อน 19 ม.ค.64 จะไม่มีฐานข้อมุูลให้กลุ่มผู้ประกันตน มาตรา 33 หมดสิทธิรับเงิน 4,000 บาท ม 33 เรารักกัน แต่มีสิทธิในกลุ่มมีสิทธิรับเงินเราชนะ 7,000 บาท เพียงแต่ต้องรีบไปลงทะเบียนเราชนะ



กองปราบฯ เตือน โครงการเราชนะ โอนสิทธิไม่ได้-แลกเป็นเงินสดไม่ได้

          เฟซบุ๊ก กองปราบปราม โพสต์ข้อความเตือนภัยเราชนะ ระบุว่า โครงการเราชนะเป็นโครงการที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพในช่วงโควิด-19 มีผู้ได้รับสิทธิจากโครงการ จำนวน 31,100,000 คน เป็นระยะเวลา 2 เดือน สำหรับ ม.ค.-ก.พ. 64 รวมเป็นเงินทั้งหมด 7,000 บาท ผู้ที่จะได้รับสิทธิตามโครงการต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนด ทำให้สิทธิที่ได้รับจากโครงการนั้นเป็นสิทธิจำเพาะบุคคล ไม่สามารถโอน แลกเปลี่ยน หรือมอบให้คนอื่นได้ เช่นเดียวกับ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน และสิทธิตามโครงการเราชนะ ไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ ทั้งนี้ ผู้ที่รับซื้อสิทธิ และผู้ที่ขายสิทธิ อาจมีความผิดฐานฉ้อโกง และหากเป็นการกระทำผิดผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ก็อาจมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์อีกด้วย



          รายงานจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ระบุว่า พบว่ามีประชาชนหรือร้านค้าที่ใช้จ่ายวงเงินสิทธิผิดวัตถุประสงค์ของโครงการเราชนะ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งกระทรวงการคลังได้ประสานขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในการติดตาม ตรวจสอบ และดำเนินการทางกฎหมายในประเด็นดังกล่าวแล้ว หากตรวจสอบพบว่ามีการกระทำผิดเงื่อนไขจริงจะระงับการใช้แอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ของร้านค้า ตลอดจนระงับการจ่ายเงินให้กับร้านค้าทันที รวมถึงระงับการใช้แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ด้วย และจะดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป



          กระทรวงการคลัง ขอความร่วมมือประชาชนรักษาสิทธิของตนเอง และขอให้ร้านค้าและประชาชนปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขของโครงการ



ตม.เข้มตามแนวชายแดน เกรงชาวเมียนมา หนีเข้ามา



          พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.)  ลงพื้นที่ตรวจด่านชายแดนภาคเหนือ เพื่อวางแผนร่วมสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เนื่องจากมีพื้นที่ติดต่อกับชายแดนประเทศเมียมมาที่กำลังมีการระบาดอย่างหนัก และยังมีปัญหาการเมืองภายในประเทศด้วย เกรงว่าชาวเมียนมา จะทะลักมาฝั่งไทยเพื่อหนีการปราบปรามของเจ้าหน้าที่ความมั่นคง โดยลงพื้นที่ จ.เชียงราย, จ.เชียงใหม่, จ.แม่ฮ่องสอน และ จ.ลำพูน



          พล.ต.ท.สมพงษ์ กล่าวว่า ฝ่ายสืบสวนและความมั่นคงของ สตม. พบว่า อาจจะมีการรวมกลุ่มกันของแรงงานเมียนมาในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะที่ จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่ สั่งการให้ฝ่ายสืบสวน บก.ตม.5 และ บก.สส.สตม. จัดกำลังออกหาข่าวและพูดคุยกับแรงงานต่างด้าวที่คาดว่าเป็นแกนนำในประเทศไทยเพื่อชี้แจงให้ทราบถึงข้อกฎหมายไทยแล้ว หากรวมตัวกันเพื่อประท้วง สตม.และตำรวจท้องที่จะจัดการอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ ประสานงานหน่วยทหารตามแนวชายแดนที่ป้องกันช่องทางธรรมชาติบริเวณอำเภอแม่สาย จ.เชียงราย เพราะหวั่นว่าหากเกิดเหตุการณ์รุนแรงในจังหวัดท่าขี้เหล็ก อาจจะมีประชาชนลอบหนีการดำเนินการของทางการเมียนมาเข้ามาในประเทศไทย อีกทั้งจากการข่าวพบว่ายังมีแรงงานต่างด้าวอีกจำนวนมากที่ต้องการหลบหนีเข้ามาใช้แรงงานในบ้านเรา เพราะเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 หากพบต้องดำเนินการผลักดันกลับประเทศทันที



หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน จันทบุรี รับ 8 คนไทย แอบเดินทางออกนอกประเทศ



           ชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 4 หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ได้เดินทางไปรับตัวคนไทย จำนวน 8 คน ที่เจ้าหน้าที่ทหารและ ตชด.ประเทศกัมพูชา ควบคุมตัวได้ บริเวณช่องทางธรรมชาติ เจ้าหน้าที่ด่านจุดตรวจคลองโป่งน้ำร้อน ตรวจสอบยานพาหนะขาออก พบรถรับจ้างสองแถว ยี่ห้อมาสด้า สีแดง-น้ำเงิน บรรทุกผู้โดยสารกลุ่มคนไทยไปลงในตลาดผักกาด จากการสังเกตพฤติการณ์ คาดว่าคนไทยดังกล่าวน่าจะเตรียมการเดินทางข้ามไปทำงานที่ประเทศกัมพูชา กองร้อยทหารพรานนาวิกโยธินที่ 541  จึงได้จัดเจ้าหน้าที่สังเกตการณ์ และประสานกับเจ้าหน้าที่ทหาร ตชด. ประเทศกัมพูชาให้ช่วยตรวจสอบกรณีมีคนไทยจะลักลอบเดินทางออกนอกประเทศ ให้ดำเนินการควบคุมตัวไว้



          ต่อมา เมื่อวันที่ 21 ก.พ.64 เจ้าหน้าที่ทหาร ตชด. ประเทศกัมพูชาได้ตรวจพบคนไทยจำนวน 8 คน ลักลอบเดินทางตามช่องทางธรรมชาติข้ามมายังประเทศกัมพูชา จึงได้ควบคุมตัว และแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทหารฝั่งประเทศไทยทราบ เพื่อมารับตัวดำเนินการต่อไป



          จากการตรวจสอบทราบว่า กลุ่มคนไทยดังกล่าว ได้รับการติดต่อจาก นายนิว (ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง) ที่อาศัยอยู่ฝั่งประเทศกัมพูชา ให้มาทำงานออนไลน์ที่ฝั่งกัมพูชา กลุ่มนี้ได้เดินทางจากกรุงเทพฯ โดยรถทัวร์มาลงที่ จังหวัดจันทบุรี จากนั้นจ้างรถสองแถวให้มาส่งที่ตลาดผักกาด โดยมีนายชาตรี กลิ่นชื่น อายุ 40 ปี เป็นผู้พาเดินข้าม จึงควบคุมตัวคนไทยทั้งหมดส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.โป่งน้ำร้อน ดำเนินคดี



          ขณะเดียวกัน หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี โดยชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่2 กองร้อยบ้านแหลม ตรวจพบชาวกัมพูชาทั้งหมด 7 กลุ่ม จำนวน 119 คน บริเวณจุดตรวจ/จุดสกัดหน้ากองร้อย



          จากการตรวจสอบมีเอกสารการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย 54 คน ไม่มีเอกสารการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย 65 คน และจากการสอบสวนแรงงานกัมพูชาทั้งหมดทราบว่าทำงานเก็บลำไยอยู่ในพื้นที่ บ้านจางวาง,บ้านบึงชนัง,บ้านโพธิ, บ้านซับตาเมา,บ้านคลองบอน อ.โป่งน้ำร้อน บ้านสำโรง,อ.สอยดาว จ.จันทบุรี งานหมดอยากกลับบ้าน จึงให้นายจ้างมาส่งที่สามแยกทางเข้าตลาดบ้านแหลม จึงพากันเดินเท้ามาตาม ถนน จนถูกเจ้าหน้าที่จับกุมในที่สุด เจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 119 คน ทำการตรวจวัดอุณหภูมิเพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านแปลง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป



เตรียมเสนอ ผู้ว่าฯ ปทุมธานี เปิดตลาดพรพัฒน์-ตลาดสุชาติ



          การคัดกรองเชิงรุกในพื้นที่ จ. ปทุมธานี ทั้งตลาดสดและชุมชนใกล้ตลาด พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ได้นำรถพระราชทาน ตรวจเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย จำนวน 3 คัน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อตรวจค้นหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุกให้ประชาชนตลาดสะพานแดง ซึ่งมีประชาชนได้เดินทางมาลงทะเบียนไว้จำนวน 600 คน



          พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ป้องกันและควบคุมโรค ได้ทำเรื่องจาก อบจ. ถึงสำนักพระราชวัง ขอรถพระราชทาน ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อชาว จ.ปทุมธานี เป็นอย่างมากที่โปรดเกล้าฯพระราชทานรถที่ตรวจเชิงรุกให้จ.ปทุมธานี โดยตอนแรกพระราชทานมา 4 คัน แล้ววันรุ่งขึ้นพระราชทานอีก 6 คัน เป็น10 คัน และมีรถตรวจเร็ว รถแล็บอีก 1 คัน



          อบจ.ได้จัดซื้อชุดตรวจเร็วอีก ที่เรียกว่า แรบบิทเทสต์ มาใช้คู่กันกับการสวอบในโพรงจมูก ดังนั้นก็จะคัดกรองได้อย่างเร็ว เพราะถ้าใช้สวอบอย่างเดียวทำให้ล่าช้า ซึ่งจะตรวจแค่ 2-3 นาที รู้ผล แรบบิทเทสต์จะมีความชัดเจนร้อยละ 98



          พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เชื่อว่า อีก 2 วัน ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติและควบคุมได้ จะเสนอผู้ว่าฯ ปทุมธานี ให้เปิดทั้งตลาดพรพัฒน์ และตลาดสุชาติ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี ทั้งนี้ จ.ปทุมธานีจะต้องตรวจให้ครบทั้งจังหวัดเพื่อไม่ไห้มีผู้ติดเชื้อหลงเหลือ



แฟ้มภาพ สำนักงานสาธารณสุข จ. ปทุมธานี  



 



 



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X