อิสราเอลซึ่งเข้าสู่มาตรการปิดกั้นครั้งที่ 3 เมื่อเดือนธันวาคม 2563 เริ่มผ่อนคลายข้อจำกัดในการควบคุมสถานการณ์โควิด-19 แล้วในวันนี้ (21 ก.พ.) หลังจากที่พลเมืองร้อยละ 49 ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 ครั้ง และผลการติดตามผู้ที่ได้รับวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์พบว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพร้อยละ 98.9 ในการป้องกันอาการ การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและการเสียชีวิต
กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลเปิดเผยว่าตั้งแต่วันนี้ (21 ก.พ.) ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ห้องสมุดและพิพิธภัณฑ์ สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ สามารถเปิดทำการได้ แต่ยังคงต้องใช้มาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม และต้องสวมหน้ากากอนามัย ซึ่งถือเป็นขั้นตอนแรกของการกลับสู่ชีวิตปกติ แต่สิ่งสำคัญคือจะต้องมีเอกสารรับรองว่าได้รับวัคซีนแล้ว หรือหายป่วยจากโควิด-19 แล้ว ซึ่งเป็นเอกสารที่ออกโดยกระทรวงสาธารณสุข
นอกจากนี้ชาวอิสราเอลยังได้รับอนุญาตให้เข้าชมคอนเสิร์ตและการแข่งขันกีฬาได้ แต่สามารถเปิดให้เข้าชมได้ที่ความจุร้อยละ 75 หรือไม่เกิน 300 คนหากเป็นการจัดงานภายในอาคาร และ 500 คนหากเป็นการจัดงานภายนอกอาคาร
และแม้จะมีการผ่อนคลายข้อจำกัดแต่อิสราเอลยังให้ปิดสนามบินต่อไปอีก 2 สัปดาห์
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู คาดว่าร้อยละ 95 ของชาวอิสราเอลที่มีอายุมากกว่า 50 ปีจะได้รับการฉีดวัคซีนในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า
โดยเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาประชาชนในฉนวนกาซาได้รับวัคซีนเป็นครั้งแรก หลังจากที่อิสราเอลอนุมัติให้มีการขนส่งวัคซีนสปุตนิกไฟว์ของรัสเซียข้ามพรมแดนได้ โดยมีจำนวน 2,000 โดสซึ่งจะใช้กับผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะและผู้ที่เป็นโรคไตวาย และเกิดขึ้นหลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขของปาเลสไตน์ทำข้อตกลงกับกระทรวงสาธารณสุขของอิสราเอลในการฉีดวัคซีนให้กับชาวปาเลสไตน์ 100,000 คนที่ทำงานในประเทศ และขณะนี้มีชาวปาเลสไตน์ประมาณ 5 ล้านคนกำลังรอรับวัคซีน
...