สถาบันวัคซีนแห่งชาติ เผยวัคซีนที่ประเทศไทยจัดหาในระยะแรก ทั้งแอสตราเซเนกาและซิโนแวค มีผลการศึกษายืนยันว่ามีประสิทธิภาพ และความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล ผ่านข้อกำหนดขององค์การอนามัยโลก
นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เปิดเผยว่าวัคซีนของทั้ง 2 บริษัทเป็นวัคซีนที่มีการควบคุมคุณภาพอย่างเคร่งครัด มีผลการศึกษาที่ยืนยันประสิทธิภาพของวัคซีนผ่านเกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และเป็นที่ยอมรับจากหน่วยงานควบคุมกำกับในหลายประเทศทั่วโลก โดยวัคซีนจากแอสตราเซเนกายังได้รับการรับรอง Emergency Use Listing (EUL) จากองค์การอนามัยโลกแล้วเช่นเดียวกับวัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564
สำหรับวัคซีนของแอสตราเซเนกา มียอดจองสูงสุดกว่า 2,700 ล้านโดส ได้รับอนุญาตให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินใน 43 ประเทศทั่วโลก และเป็นวัคซีนส่วนใหญ่ที่ COVAX Facility จะกระจายให้กับกลุ่มประเทศกลุ่มรายได้ต่ำและรายได้ปานกลางค่อนข้างต่ำ ภายหลังการใช้วัคซีนในวงกว้าง ยังไม่พบเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่รุนแรง นอกจากนี้ ที่ประชุมผู้เชี่ยวชาญองค์การอนามัยโลกเพื่อออกคำแนะนำการใช้วัคซีนยังไม่มีข้อห้ามใช้วัคซีนในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป และแนะนำให้มีระยะห่างของการฉีดที่ 8-12 สัปดาห์ จะได้ประสิทธิภาพของวัคซีนดีที่สุด
สำหรับวัคซีนของซิโนแวค ผลิตโดยใช้เทคโนโลยีเชื้อตาย ซึ่งเป็นเทคโนโลยีดั้งเดิมในการผลิตวัคซีนป้องกันโรคอื่นๆ ผลการทดสอบประสิทธิภาพของวัคซีนในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ซึ่งมีโอกาสสัมผัสกับเชื้อสูง พบลดอาการป่วยที่รุนแรง ส่วนการระงับการทดสอบวัคซีนในมนุษย์ที่บราซิลตามที่เผยแพร่ตามสื่อต่าง ๆ เมื่อตรวจสอบแล้ว พบว่าเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน จึงมีการอนุมัติให้ทดสอบวัคซีนต่อได้ ทั้งนี้ วัคซีนซิโนแวคได้รับการอนุมัติทะเบียนจากประเทศจีน เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2564 ได้รับอนุมัติให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินในอาเซอร์ไบจาน บราซิล ชิลี โคลัมเบีย อินโดนีเซีย ลาว เม็กซิโก ตุรกี และอุรุกวัย ซึ่งกลุ่มประเทศเหล่านี้ได้ฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนแล้วมากกว่า 2 ล้านโดส โดยอินโดนีเซียยังอนุมัติให้ใช้วัคซีนในผู้สูงอายุ และจากการใช้วัคซีนในวงกว้างยังไม่พบรายงานอาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรงเช่นกัน
ในส่วนของประเทศไทย มีการวางแผนให้วัคซีนโควิด-19 กับประชากรกลุ่มเป้าหมายในระยะแรก ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน บุคลลที่มีโรคประจำตัว ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด -19 ที่มีโอกาสสัมผัสกับผู้ป่วยโรคโควิด -19 โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ
1.ลดอัตราการป่วยและเสียชีวิต
2.เพื่อปกป้องระบบสุขภาพของประเทศ ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์จัดว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงจากการทำงาน
3.เพื่อให้คนไทยกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติและเกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ
สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ยังมีการทำงานเพื่อจัดหาวัคซีนโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ครอบคลุมทุกคนที่ต้องการฉีดวัคซีน รวมถึงการเจรจากับ COVAX Facility เป็นระยะ และหากบรรลุเงื่อนไข ข้อเสนอที่ประเทศจะได้ประโยชน์ ก็อาจมีการทำข้อตกลงการจัดหาวัคซีนผ่าน COVAX Facility ได้
....