นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยในการให้สัมภาษณ์รายงาน CNN Business ของสถานีโทรทัศน์ CNN ระบุว่านักการเมืองบางคนในกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู)รู้สึกกังวลว่า รัฐบาลจะต้องกู้เงินมากขึ้น เพื่อนำมาจัดโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต แต่นางลาการ์ด กลับมองต่างมุมกับบรรดานักการเมือง ระบุว่าเธอไม่รู้สึกกังวลว่ากลุ่มสหภาพยุโรปอาจจะต้องกู้เงินมากขึ้น ทำให้ประเทศมีภาระหนี้สินมากขึ้น
ที่ผ่านมา ผู้นำกลุ่มอียูอนุมัติงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจรวม 1.8 ล้านล้านยูโรเพื่อช่วยให้เศรษฐกิจของกลุ่มอียูฟื้นตัวจากวิกฤตการระบาดของโรคโควิด-19 แต่ประเด็นที่เธอรู้สึกกังวลคือ รัฐบาลอาจจะยกเลิกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเช่น มาตรการต่างๆเพื่อส่งเสริมการจ้างงานและการช่วยเยียวยาทางการเงินให้กับประชาชนก่อนเวลาอันสมควร เธอมองว่าโครงการเช่นนี้จะต้องค่อยๆยกเลิกอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
นางลาการ์ด มองเรื่องจังหวะเวลาในการตัดสินใจยกเลิกโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจว่า เป็นเรื่องที่ตัดสินใจยากที่สุดและรัฐบาลจะต้องพิจารณาให้รอบรอบมากที่สุด ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่รัฐบาลจะนำมาคิดว่าควรจะยกเลิกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจคือ รัฐบาลได้จัดโครงการกระจายวัคซีนไปสู่ประชาชนได้ทั่วประเทศหรือยัง อาจจะต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ๆการกระจายวัคซีนในกลุ่มอียูจึงจะครอบคลุมประชากรทั้งหมดของกลุ่มอียู
นางลาการ์ด ย้ำว่า แม้เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น มีการฟื้นตัวขึ้นในระดับหนึ่งแล้ว เธอเห็นว่ารัฐบาลไม่ควรจะรีบยกเลิกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนเวลาอันสมควร โดยรัฐบาลควรจะมองแผนกระตุ้นเศรษฐกิจในครั้งนี้ ควรจะเป็นแผนระยะยาวที่เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต สำหรับปีนี้ ECB คาดว่าเศรษฐกิจของกลุ่มอียูจะเติบโตร้อยละ 3.9 หลังติดลบร้อยละ 7.8 ในปีที่แล้ว
Cr: CNN