สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 ในอ.แม่สอดจังหวัดตาก หลังจากก่อนหน้านี้ ได้มีคำสั่งปิดสถานประกอบการร้านค้า สำนักงาน ภายในบริเวณคลังสินค้าที่ 9 (ท่าข้ามสินค้าที่13 ) ระหว่างวันที่ 17- 23 กุมภาพันธ์ 2564 ล่าสุด เพจหมอแม่สอด ได้โพสต์รายละเอียดของการแพร่ระบาดในพื้นที่ ซึ่งเป็นการระบาดเป็นกลุ่มก้อนหรือ คลัสเตอร์คลังสินค้า คลัง 9 ซึ่งเป็นคลังสินค้ามีชายแดนติดกับบ่อนการพนันฝั่งเมียนมา นอกจากนั้น ยังพบว่า มีคนเข้าออกในคลังค่อนข้างมาก ทำให้เจ้าของคลังสินค้า มองว่า แม้จะเป็นเอกชน แต่เมื่อเห็นคนเข้าออกมากก็ไม่สบายใจ จึงนำเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่ง มาขอตรวจคัดกรองโควิดกับทาง รพ. แม่สอดผลออกมาพบว่าเป็นบวก 8 คน โดยไม่รู้ที่มาว่าติดเชื้อจากที่ไหน ทำให้ต้องขอความร่วมมือของคลัง 9 เพื่อนำผู้ติดต่อประจำของคลัง 9 “ทุกคน” มาตรวจโควิดและกักกันโรคไว้ หลังการลุยพื้นที่ตรวจถึงกว่า 300 คน พบเป็นบวกอีก 31 คน ขณะนี้ผู้ป่วยทั้งหมดอยู่ในรพ. ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอยู่ในสถานที่กักตัวของรัฐ หรือ LQ
อย่างไรก็ตาม เมื่อพบเคสก็ต้องขยายผลต่อ หากใครชำนาญพื้นที่ นึกภาพตามคงพอเดาออก คลัง 9 นั้นอยู่ติดชายแดน เยื้องกันกับบ่อนฝั่งพม่าที่เป็นคลัสเตอร์ใหญ่ที่ผ่านมานั่นเอง นั่นคืออาจมีการผ่านเข้าออกของเชื้อโดยที่เราไม่ทราบ ผ่านพื้นที่ตรงจุดนั้นก็เป็นได้ เราตั้งเป้าเร่งขยายผลพื้นที่เลียบชายแดนตรงส่วนนั้นทันที ในเวลาเดียวกันนั้นเอง โรงงานท็อปฟอร์มก็ได้ติดต่อเข้ามา
โรงงานท็อปฟอร์มเป็นโรงงานขนาดใหญ่ มีเจ้าหน้าที่ต่างชาติจำนวนมาก ตัวโรงงานถือเป็นโรงงานที่ได้มาตรฐาน เมื่อเกิดเหตุโควิดระบาด ก็มีมาตรการ bubble and seal ที่ดี (Bubble and Seal คือมาตรการที่จำกัดการเข้าออกของคนในโรงงาน ให้กินอยู่หลับนอนแต่ภายใน พื้นที่โรงงานจึง กลายเป็นระบบปิด ถือเป็นพื้นที่สะอาด การแพร่ระบาดเกิดขึ้นได้ยากมาก) แต่ท็อปฟอร์มมีปัญหาอยู่จุดหนึ่ง เมื่อทำ bubble and seal ที่พักในโรงงานจริงๆกลับไม่พอ จำต้องแบ่งบางส่วนออกมาอยู่หอข้างนอก ซึ่งหอนั้นอยู่ใกล้คลัง 9 เจ้าหน้าที่จึงได้ลงตรวจเชิงรุกในหมู่พนักงานท็อปฟอร์มที่พักอาศัยใกล้คลัง 9 และพบเป็นบวกอีก 1 คน แต่ถึงแม้จะเป็นบวกเพียง 1 คน แต่เมื่อพบเคสก็ต้องสืบสวนต่อ เราทำให้ต้องค้นหาผู้ป่วยรายต่อไปทันที
เมื่อทีมงานลงสำรวจพื้นที่ภายใน พบว่าท็อปฟอร์มมีมาตรการรักษาระยะห่างที่เข้มข้นมาก สวมแมสก์ ล้างมือ ลดพูดคุย ยืนห่าง เมื่อตรวจผู้สัมผัสเสี่ยงสูงผู้ป่วยรายนี้ในโรงงาน ก็ไม่พบใครติดอีกเลยแม้แต่คนเดียว! นับเป็นตัวอย่างที่ดีมาก ท็อปฟอร์มเป็นโรงงานใหญ่มีเจ้าหน้าที่มาก และส่วนใหญ่เป็นต่างชาติ แต่กลับสามารถจัดการให้รักษาระยะห่างได้อย่างดี มาตรการรักษาระยะห่าง คืออาวุธสำคัญที่ จะช่วยให้เราชนะโควิดได้ค่ะ ขณะนี้เราได้ขยายผลตรวจเชิงรุกไปยังพนักงานท็อปฟอร์มทุกคน ที่มีหอ อยู่นอกโรงงานอีกนับร้อยราย ผลเป็นลบทั้งหมดค่ะ
นอกจากนั้น เพจหมอแม่สอด ระบุว่า ขณะนี้ได้ปิดคลัสเตอร์คลังสินค้าแล้ว แต่อาจมีผู้ป่วยเพิ่มจากกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูงที่เรากักกันไว้ สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากคลัสเตอร์คลังสินค้านี้ คือการร่วมมือร่วมใจ ของทั้งภาครัฐและเอกชน ในการต่อสู้กับโควิด-19 ที่ค่อยๆ เยื้องกรายเข้ามา และ การรักษาระยะห่างอย่างเคร่งครัด ก็ยังเป็นจุดสำคัญที่สุด ที่จะช่วยให้เรารอดจากโรคร้ายได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ อยู่ระหว่างการสอบสวนคลัสเตอร์กลุ่มใหม่ แต่แนวโน้มดีขอให้อดใจรอ
แฟ้มภาพ