ทำเนียบขาวสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ โทรศัพท์หารือกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอลแล้ว และประธานาธิบดีไบเดนเปิดเผยว่าเป็นการสนทนาที่ดี
แต่รายงานนี้มีขึ้นหลังจากที่มีการตั้งข้อสังเกตว่านับตั้งแต่ประธานาธิบดีไบเดนเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 มกราคมของปีนี้ เขาโทรศัพท์หารือกับผู้นำหลายประเทศแต่ยังไม่มีการโทรศัพท์พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล ทำเนียบขาวระบุว่า การโทรหาผู้นำตะวันออกกลางในครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับอิสราเอลซึ่งมีความแข็งแกร่งมานานหลายทศวรรษ และในครั้งนี้มีการหารืออย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับปัญหาความมั่นคงในภูมิภาครวมถึงอิหร่าน และสหรัฐฯสนับสนุนการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับประเทศต่างๆในโลกอาหรับและมุสลิม เพื่อสร้างสันติภาพทั่วทั้งภูมิภาครวมทั้งระหว่างชาวอิสราเอลและชาวปาเลสไตน์
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีไบเดนได้พูดคุยกับผู้นำระดับโลกหลายคนนับตั้งแต่ดำรงตำแหน่ง อาทิ นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด แห่งแคนาดา, นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน แห่งสหราชอาณาจักร, ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน
ด้านสำนักงานนายกรัฐมนตรีอิสราเอล ออกแถลงการณ์ชื่นชมการโทรศัพท์หารือที่เป็นไปอย่างอบอุ่นและเป็นกันเองซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ผู้นำทั้ง 2 ให้คำมั่นที่จะมีการร่วมกันทำงานเพื่อเสริมสร้างความเป็นพันธมิตรที่มั่นคงระหว่างอิสราเอลและสหรัฐฯ ตลอดจนรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากข้อตกลงในปี 2561 แต่ประธานาธิบดีไบเดน ให้คำมั่นที่จะเข้าร่วมข้อตกลงอีกครั้งหากอิหร่านกลับไปปฏิบัติตามข้อจำกัด เกี่ยวกับความสามารถในการเสริมสมรรถนะยูเรเนียม
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีไบเดนได้ให้คำมั่นที่จะคืนสถานะความสัมพันธ์ทางการทูตของสหรัฐฯกับทางการปาเลสไตน์ และให้ความช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ แต่ฝ่ายบริหารของเขาส่งสัญญาณว่าจะปฏิเสธแนวนโยบายนี้ โดยนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีการต่างประเทศสหรัฐฯกล่าวว่าฝ่ายบริหารจะเดินหน้าการย้ายสถานทูตสหรัฐฯไปยังเยรูซาเล็ม ของนายทรัมป์ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่ชาวปาเลสไตน์และผู้สังเกตการณ์จากนานาชาติไม่เห็นด้วย
...