ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา 07.30น.วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564

18 กุมภาพันธ์ 2564, 08:53น.


วันนี้ 2 กลุ่ม เตรียมรับเงิน "เราชนะ" งวดแรก 2,000 บาท



          ตั้งแต่ 06.00 น.วันนี้ ผู้ที่ผ่านการคัดกรองสิทธิ  2 กลุ่ม ที่ได้เข้าร่วมโครงการเราชนะ รอรับเงินโอนงวดแรก



-กลุ่มที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งและโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ที่ใช้แอปพลิเคชันเป๋าตังอยู่แล้ว



-กลุ่มที่ลงทะเบียนเพิ่มผ่านเว็บไซต์ www.เราชนะ.com



          คนที่ได้รับสิทธิในโครงการเราชนะ เป็นกลุ่มที่เพิ่มเข้ามาในการใช้แอปฯ เป๋าตัง  ทำให้หลายคนที่ใช้แอปฯเป๋าตัง ไม่สามารถใช้งานได้ ขึ้นข้อความว่า “ขออภัย ไม่สามารถทำรายการได้ในขณะนี้ กรุณาลองใหม่อีกครั้งภายหลัง”  ขณะที่เพจ เราชนะ ระบุว่า รับเงินเราชนะงวดแรกได้แล้ว ขณะนี้มีผู้ใช้งานจำนวนมาก ทำให้ระบบอาจเกิดความล่าช้า



         กระทรวงการคลัง ให้ประชาชนผู้มีสิทธิในโครงการเราชนะ เข้าไปอัพเดตแอปฯ เป๋าตัง เป็นเวอร์ชั่น 10.32 (เวอร์ชั่นล่าสุด) เพื่อกดยืนยันตัวตนก่อนกดรับสิทธิในวันนี้และรับเงินงวดแรก ทั้ง 2 กลุ่ม มีผู้กดยืนยันตัวตนและกดรับสิทธิในแอปฯ เป๋าตัง ซึ่งจะได้รับการวงเงินแน่นอนแล้ว 10.2 ล้านคน กระทรวงการคลังจะโอนเงินงวดแรก 2,000 บาท และทยอยโอนจนครบ 7,000 บาท คนที่ได้รับสิทธิไม่ต้องรีบใช้ เพราะโครงการให้ใช้ได้จนถึงวันที่ 31 พ.ค.64 



งวดต่อไปจะได้รับการโอน ทุกวันพฤหัสบดี ดังนี้



-25 ก.พ. 64 จำนวน 1,000 บาท



-4 มี.ค. 64 จำนวน 1,000 บาท



-11 มี.ค. 64 จำนวน 1,000 บาท



-18 มี.ค. 64 จำนวน 1,000 บาท



-25 มี.ค.64 จำนวน 1,000 บาท



ขั้นตอนการกดรับเงิน 7,000 บาท ผ่านทางแบนเนอร์ เราชนะ ผ่านทางแอปฯเป๋าตัง



1.เลือกเมนูเราชนะ



2.กดยอมรับเงื่อนไข



3.เลือกจังหวัดที่พักอาศัยปัจจุบัน



4.ยืนยันจังหวัดที่พักอาศัยในปัจจุบัน



5.เข้าสู่หน้าเราชนะ



          ส่วนคนที่ได้รับสิทธิในกลุ่มที่ 1 คือ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.69 ล้านคน ได้โอนไปแล้ว 2 ครั้ง โดยยอดล่าสุดกลุ่มผู้ถือบัตรฯ มียอดการใช้จ่ายวงเงินสิทธิหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยไปแล้วมากกว่า 14,000 ล้านบาท



          กรณีของประชาชนบางส่วนที่ไม่มีคุณสมบัติเราชนะ ได้รับสิทธิด้วย กลุ่มนี้จะต้องสละสิทธิ ไม่เช่นนั้นจะถูกเรียกเงินคืน  น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ยอดกดสละสิทธิเราชนะ ล่าสุดมีจำนวน 88,000 คน โดยกระทรวงการคลัง ขอให้กลุ่มข้าราชการการเมือง ข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงาน ลูกจ้าง และเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐที่รับค่าตอบแทนโดยตรงจากหน่วยงานของรัฐ รวมถึงผู้รับบำนาญปกติ ให้แจ้งสละสิทธิทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ถึงวันที่ 25 มี.ค. 64



          กลุ่มคนที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ. 64  ประชาชนที่ไม่มีสมาร์ทโฟน สามารถนำบัตรประชาชนแบบ Smart card มาลงทะเบียนโครงการ เราชนะ ได้ที่ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ทุกสาขา ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชน ลดความแออัด ให้ประชาชนที่มีสิทธิสามารถร่วมโครงการเราชนะได้ทั่วถึง 



CR:กระทรวงการคลัง



รมว.พลังงาน ชี้แจง เหลืองบฯ 2.5 แสนล้าน รับมือความไม่แน่นอนของศก.



          นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุว่า เงินกู้ตามพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลัง กู้เงินเพื่อเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 วงเงิน 1,000,000 ล้านบาท รัฐบาลใช้จ่ายเพื่อดูแลเศรษฐกิจของประเทศไปแล้ว 750,000 ล้านบาท คงเหลือ 250,000 ล้านบาท โดยส่วนที่ใช้จ่ายไปแล้วส่วนใหญ่ใช้เยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 รอบใหม่ ซึ่งต้องดูแลประชาชนแต่ละระลอกใกล้เคียงกัน 40 ล้านคน  โดยการวางแผนการใช้จ่ายเงินรัฐบาลคำนึงถึงการหมุนเวียนของเศรษฐกิจในประเทศและช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ เช่น โครงการท่องเที่ยวและส่งผลดีต่อเศรษฐกิจภาพรวม เช่น โครงการคนละครึ่งที่มีผู้ได้ประโยชน์ 15-16 ล้านคน และออกแบบโครงการให้ร้านค้ารายย่อยได้ประโยชน์



พิษโควิด-19 ทำให้ทั่วโลกมีหนี้พุ่ง 24 ล้านล้านดอลลาร์



          สถาบันการเงินระหว่างประเทศ (IIF) เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้หนี้สินทั่วโลก เพิ่มขึ้น 24 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 281 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และอัตราส่วนหนี้สินต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ทั่วโลกอยู่ที่ระดับสูงกว่าร้อยละ 355



          IIF ประมาณการณ์ว่า โครงการสนับสนุนของรัฐบาลทั่วโลก คิดเป็นสัดส่วนการก่อหนี้เพิ่มขึ้นถึงครึ่งหนึ่ง ขณะที่บริษัท, ธนาคาร และภาคครัวเรือนทั่วโลก ก่อหนี้ 5.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ, 3.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ 2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลำดับ



กูเกิล ทุ่ม 75 ล้านดอลลาร์ ลงทุนในธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากโควิด



          กูเกิล กำลังร่วมมือกับกองทุนเพื่อการลงทุนแห่งยุโรป (European Investment Fund หรือ EIF) และองค์กรอีกสองแห่งในละตินอเมริกาและเอเชีย เพื่อจัดหาเงินทุน 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้บริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เม็ดเงินลงทุนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนริเริ่มมูลค่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯที่กูเกิลประกาศเมื่อเดือนมี.ค.63 เพื่อรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาด



          EIF เป็นส่วนหนึ่งของธนาคารเพื่อการลงทุนแห่งยุโรป (European Investment Bank หรือ EIB) ซึ่งเป็นหน่วยงานของสหภาพยุโรป (EU)



          สำหรับในละตินอเมริกา กูเกิล จะทำงานร่วมกับธนาคารเพื่อการพัฒนาระหว่างอเมริกา (Inter-American Development Bank) เพื่อจัดสรรเงิน 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯให้ธุรกิจขนาดเล็ก



          นอกจากนี้ กูเกิล จะจัดตั้งกองทุนกู้ยืม 26 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ร่วมกับ Kiva ซึ่งเป็นองค์กรระดมทุนสาธารณะ (crowdfunding) เพื่อช่วยธุรกิจในแอฟริกา ตะวันออกกลาง และอินโดนีเซีย ขณะที่บริษัทในอินเดียจะได้รับเงินทุนสนับสนุน 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 



ตำรวจ เตือนหากใช้แอปฯ Clubhouse ละเมิดสิทธิคนอื่น โทษทั้งจำและปรับ



           พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และโฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กล่าวถึง กรณีที่สื่อออนไลน์นำเสนอเรื่องเตือนใช้ Clubhouse ด้วยความระมัดระวังว่าเป็นแอปฯที่ใช้ในการตั้งกลุ่มสนทนาพูดคุยแสดงความคิดเห็นในหัวข้อต่างๆผ่านเสียงได้อย่างมีอิสระและมีความเป็นส่วนตัว อาจทำให้ผู้ใช้บางคนพูดแสดงความเห็นในลักษณะที่อาจจะพาดพิงหรือละเมิดสิทธิของผู้อื่นจนได้รับความเสียหาย อาจมีการกล่าวข้อมูลที่บิดเบือนจนทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดหรือเกิดความสับสนวุ่นวายได้ และอาจมีมิจฉาชีพปลอม Account เป็นบุคคลอื่นและไปหลอกลวงเอาทรัพย์สินจนผู้อื่นได้รับความเสียหายได้



          ในทางกฎหมาย การกระทำในลักษณะของกล่าวพาดพิงหรือละเมิดผู้อื่นนั้นอาจเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาท มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 



          ส่วนการกล่าวข้อมูลที่บิดเบือนอาจจะเข้าข่ายความผิดฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท 



          การปลอม Account หรือวิธีอื่นๆ เพื่อการหลอกลวงเอาทรัพย์สินของผู้อื่นอาจจะเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง



           พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบนโยบายให้ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. ให้ป้องกันปราบปราม และจับกุมผู้กระทำความผิดบนโลกออนไลน์



 



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X