WHO อนุญาตให้ใช้วัคซีน 2 ตัวจากบริษัทแอสตราเซเนกาของอังกฤษป้องกันโรคโควิด-19 ในกรณีฉุกเฉิน

16 กุมภาพันธ์ 2564, 11:52น.


          นพ.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก(WHO) แถลงที่สำนักงานใหญ่ WHO ในนครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ว่า WHO อนุญาตให้ประเทศสมาชิกทั่วโลกใช้วัคซีน 2 ตัวจากบริษัทแอสตราเซเนกา ผู้วิจัยวัคซีนอังกฤษ-สวีเดน สำหรับป้องกันโรคโควิด-19 ในกรณีฉุกเฉิน โดยตัวแรกเป็นผลจากการวิจัยระหว่างแอสตราเซเนกากับมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ดของอังกฤษ และวัคซีนตัวที่สอง เป็นผลจากการวิจัยระหว่างแอสตราเซเนกา,บริษัทเอสเค ไบโอไซแอนซ์ของเกาหลีใต้ และสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย โดยวัคซีนทั้งสองตัวมีกรรมวิธีการผลิตเหมือนกัน ต่างเพียงทีมวิจัยและโรงงานผลิต



          ทั้งนี้ การที่ WHO รับรองวัคซีนทั้งในด้านคุณภาพ ความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ถือว่าเป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญสำหรับวัคซีนที่จะถูกส่งมอบให้กับ 184 ประเทศที่เข้าร่วมโครงการกระจายวัคซีนไปยังกลุ่มประเทศที่มีรายได้ต่ำถึงปานกลางหรือ COVAX ของ WHO ทั้งจะผลักดันให้ประเทศสมาชิก WHO เร่งรัดขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติวัคซีนให้เร็วยิ่งขึ้น



          ก่อนหน้านี้ คณะที่ปรึกษายุทธศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านภูมิคุ้มกันของ WHO (SAGE) ประเมินทั้งคุณภาพ ความปลอดภัย และการบริหารจัดการความเสี่ยงของวัคซีนจากแอสตราเซเนกา เสนอแนะในการประชุมเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ให้ WHO อนุมัติให้ใช้วัคซีนจากบริษัทแอสตราเซเนกาสำหรับคนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โดยฉีด 2 เข็ม แต่ละเข็มห่างกัน 12 สัปดาห์ ผลศึกษาเบื้องต้น SAGE พบว่าวัคซีนจากแอสตราเซเนกามีประสิทธิภาพในการรักษาคนไข้โควิด-19 ร้อยละ 63.09 สูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่ WHO กำหนดไว้คือ ร้อยละ 50



          นับเป็นวัคซีนตัวที่ 2 และตัวที่ 3 ที่ WHO อนุมัติให้ใช้ป้องกันโรคโควิด-19 ต่อจากวัคซีนตัวแรกจากบริษัทไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค จากสหรัฐฯ-เยอรมนี ซึ่ง WHO อนุมัติให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินเมื่อวันที่ 31 ธันวาคมปีก่อน



Cr: CNN, Global News

ข่าวทั้งหมด

X