นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ 17 ก.พ. 64 EU จะเปิดตัวโครงการใหม่เพื่อศึกษาการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 โดยมีเป้าหมายที่จะเตรียมวัคซีนรุ่นต่อไปซึ่งอาจเป็นสิ่งจำเป็นในอนาคต
นางฟอน เดอร์ เลเยน กล่าวว่า โครงการดังกล่าวซึ่งมีชื่อว่า "HERA incubator" จะรวบรวมองค์กรด้านสาธารณสุขและห้องทดลองต่างๆ เข้ามาทำงานด้วยกัน และหน่วยงานเหล่านี้จะมีเงินทุนเป็นของตนเอง นอกจากนี้ยังมีความพยายามที่จะดำเนินการเรื่องนี้ควบคู่ไปกับการฉีดวัคซีนด้วย ในปัจจุบัน เราจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือบริษัทต่างๆ ในแวดวงอุตสาหกรรมให้สามารถพัฒนาศักยภาพด้านการผลิตวัคซีนรุ่นที่สอง
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นางฟอน เดอร์ เลเยน ได้รับทราบถึงความล้มเหลวของ EU ในการอนุมัติและการฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 โดยเธอกล่าวว่า EU ได้เรียนรู้ถึงบทเรียนต่างๆ ในกระบวนการเหล่านี้ หลังจากถูกวิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับความล่าช้าในการฉีดวัคซีน
ด้าน องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศขึ้นบัญชีวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทแอสตราเซเนกาและมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด สำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉิน ซึ่งจะช่วยเปิดทางให้กลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาสามารถเข้าถึงวัคซีนราคาที่ค่อนข้างถูกได้
นพ.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ WHO กล่าวว่า หลังจากนี้การขนส่งวัคซีนจะมีความรวดเร็วมากขึ้น ขณะเดียวกัน ต้องเร่งกระบวนการผลิต และขอเรียกร้องให้ผู้พัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ยื่นเอกสารให้กับ WHO ได้ทำการทบทวนด้วย
การทบทวนของ WHO พบว่า วัคซีนของแอสตราเซเนกา สอดคล้องกับข้อกำหนดที่จำเป็นในด้านความปลอดภัย และด้านประสิทธิภาพของวัคซีนดังกล่าวที่มีมากกว่าความเสี่ยง
วัคซีนของแอสตราเซเนกาและมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เป็นวัคซีนที่ได้รับการยอมรับเป็นวงกว้าง เนื่องจากมีราคาถูกกว่าและแจกจ่ายง่ายกว่าวัคซีนของบริษัทคู่แข่งบางรายซึ่งรวมถึงวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค
แฟ้มภาพ