พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. เปิดเผยว่า จากการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาในประเทศไทย ทำให้ ศบค.จะปรับการคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เพื่อให้การควบคุมโรครวดเร็วมากขึ้น เช่น จะมีการเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจหาเชื้อทันทีที่เดินทางถึงประเทศไทย คัดกรองผู้มีประวัติเสี่ยงเข้าโรงพยาบาลทันที รวมทั้งอาจเพิ่มระยะเวลากักตัวสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศแถบทวีปแอฟริกา เช่น อาจต้องกักตัวในสถานที่กักตัวนาน 21 วัน ให้เหมือนกับการกักตัวของผู้ที่เดินทางมาจากประเทศอังกฤษ

ส่วนข้อเสนอจากภาคเอกชน ให้ฉีดวัคซีนในจังหวัดท่องเที่ยว เพื่อเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ พญ.อภิสมัย ระบุว่า ศบค.ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวของประเทศ และคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ได้ประชุมร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและ ศบค.อย่างใกล้ชิด ในการวางแผนกระจายวัคซีนตามระยะต่างๆ โดยระยะแรกในช่วงที่วัคซีนยังมีจำนวนจำกัด จำเป็นต้องให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ที่ทำหน้าที่เป็นด่านหน้าในการต่อสู้กับโรค จากนั้นในระยะสอง คือ ประมาณเดือน มิ.ย.-ธ.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่วัคซีนเพียงพอแล้ว จังหวัดท่องเที่ยวจะอยู่ในแผนได้รับวัคซีนต่อไป โดยแผนการให้วัคซีนนั้น มีการพิจารณากันอย่างรอบคอบและทันต่อสถานการณ์ นอกจากจะต้องพิจารณาถึงกลุ่มคนและพื้นที่ที่จะได้รับวัคซีนตามลำดับแล้ว ยังต้องพิจารณาถึงเรื่องของสถานที่จัดเก็บวัคซีน การติดตามอาการและประเมินผลหลังฉีดวัคซีน การดูแลสุขภาพหลังฉีดวัคซีน โดยทั้งหมดนี้ต้องขึ้นอยู่กับพื้นฐานสำคัญ คือ ต้องปลอดภัย มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค และลดอัตราการตาย