ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยระบุว่า ค่าตรวจวินิจฉัยและการดูแลรักษา รวมทั้งการสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการระบาดของโควิด-19 มีราคาแพงกว่ามาก เมื่อเทียบกับการฉีดวัคซีน ดังนั้นจึงไม่ต้องเสียเวลาคิดว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม โดยจากการศึกษาในประเทศอิสราเอล ซึ่งเป็นประเทศที่ได้รับวัคซีนต่อจำนวนประชากรมากที่สุด โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ข้อมูลตั้งแต่หลังปีใหม่เป็นต้นมา การป่วยในผู้สูงอายุลดลงอย่างเห็นได้ชัด อัตราการเสียชีวิตก็ลดลงและเมื่อมาให้ในผู้ที่มีอายุน้อยลง การแพร่กระจายของโรคก็จะน้อยลง เมื่อส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานแล้วโอกาสในการเปิดประเทศ การสร้างความเชื่อมั่นก็จะตามมา ทุกอย่างก็จะกลับคืนมา ดังนั้นการให้วัคซีนเร็วเท่าไหร่ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจก็จะเร็วเท่านั้น
ศ.นพ. ยง ยังระบุด้วยว่า ไทยน่าจะลองให้วัคซีน เช่น ให้ทั้งจังหวัดภูเก็ตหรือเกาะสมุย และมีมาตรการในการดูแลคนเข้า-ออก บุคคลที่จะเข้า-ออกได้ จะต้องมีภูมิต้านทานแล้ว เชื่อว่าเศรษฐกิจของทั้งสองแห่งจะฟื้นขึ้นมาอย่างแน่นอน ไวรัสนี้จะไม่หมดไปอย่างแน่นอนและจะอยู่กับเราตลอดไป เราจึงต้องปรับตัวด้วยการสร้างภูมิต้านทานด้วยวัคซีน ถึงแม้ว่าจะติดเชื้อก็ต้องไม่เป็นโรคหรือไม่รุนแรงเข้าโรงพยาบาล
กลุ่มสุดท้ายที่จะได้รับวัคซีนคือ กลุ่มเด็ก จากเด็กโตไปหาเด็กเล็ก แต่ถ้าไวรัสมีการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมที่หลบหลีกวัคซีน ก็จะต้องมีการกระตุ้นวัคซีนอีก หรืออาจจะต้องให้เป็นระยะแบบไข้หวัดใหญ่ และในอนาคตถ้าประชาชนส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนและมีภูมิต้านทานเป็นส่วนใหญ่แล้ว โรคนี้ก็จะเกิดในเด็กรุ่นใหม่ที่เกิดมาแล้วยังไม่ได้รับวัคซีนหรือติดเชื้อ ซึ่งส่วนใหญ่อาการจะไม่รุนแรงและก็จะเป็นคล้ายกับไวรัสโคโรนาตามฤดูกาลที่พบในเด็กอยู่ในขณะนี้ หรือในอนาคต ถ้าเป็นในเด็กแล้วรุนแรงอย่างเช่นโรคหัด เด็กทุกคนก็จะต้องได้รับวัคซีนและเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะมีภูมิต้านทาน อย่างในปัจจุบันที่เรากำลังรณรงค์ให้วัคซีนป้องกันหัดในเด็ก เพื่อให้โรคเหลือน้อยที่สุดหรือหมดไป