คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ มีกำหนดอภิปรายปัญหาการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ในวันพุธนี้ (17 ก.พ.) ตามที่สหราชอาณาจักรเป็นผู้ยื่นญัตติ โดยระบุว่า ประเทศร่ำรวยกักตุนวัคซีนไว้จำนวนมากจนทำให้ประเทศยากจนหลายประเทศยังไม่ได้รับวัคซีน รวมถึงคำถามที่ว่า เจ้าหน้าที่ของกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติซึ่งประจำการอยู่ใน 15 ประเทศ และเจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติในภารกิจต่าง ๆ ทั่วโลกควรจัดอยู่ในกลุ่มบุคลากรแนวหน้าที่ควรได้รับวัคซีนเป็นกลุ่มแรกด้วยหรือไม่ และใครควรเป็นผู้จัดหา
นักการทูตในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ระบุว่า การฉีดวัคซีนไม่ใช่หน้าที่ของคณะมนตรีความมั่นคง แต่เนื่องจากภารกิจในการรักษาสันติภาพและความมั่นคงทั่วโลก ทำให้คณะมนตรีความมั่นคงสามารถมีส่วนร่วมในการจัดการ แต่คาดว่าการอภิปรายจะไม่ได้ข้อยุติภายในสัปดาห์นี้
นายโอลอฟ สกูจ เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำคณะมนตรีความมั่นคงฯ กล่าวว่า การฉีดวัคซีนโควิด-19 คือความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ในขณะนี้ และยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่ผู้คนจะได้วัคซีนครบ โดยสหภาพยุโรปมีส่วนร่วมในโครงการวัคซีน Covax ภายใต้สหประชาชาติซึ่งมีเป้าหมายที่จะจัดหาวัคซีนให้ได้อย่างน้อย 2,000 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้รวมถึงอย่างน้อย 1,300 ล้านโดสให้แก่ประเทศรายได้น้อย 92 ประเทศ
แต่ในเวลาเดียวกันยังมีปัญหาการเลือกปฏิบัติเกิดขึ้นในการดำเนินโครงการ และแอฟริกาใต้ เตือนเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าประเทศทางเหนือมีวัคซีนสำหรับประชาชนทั้งประเทศ แต่ประเทศทางใต้ที่มีความยากจนยังไม่ได้รับวัคซีน ขณะที่จีนได้ใช้นโยบาย “การทูตวัคซีน” ด้วยการบริจาควัคซีนให้แก่หลายประเทศในเอเชีย นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ เตือนหลายครั้งว่าการจะควบคุมไวรัสโควิด-19 และสายพันธุ์ต่างๆ ที่มีการแพร่ระบาดไปทั่วโลกจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อทุกคนได้รับการปกป้องในระดับเดียวกัน
....