เกาหลีใต้ กังวลตรุษจีน จุดเปลี่ยนสำคัญทำให้โควิด-19 ระบาดรอบ3
นายกรัฐมนตรี ชุง เซ-คยุน ของเกาหลีใต้ กล่าวในที่ประชุมระหว่างหน่วยงานเพื่อรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 ในเมืองกวางจูของเกาหลีใต้ว่าเทศกาลวันหยุดตรุษจีนปีนี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของแนวโน้มการระบาดระลอก 3 ที่ถือเป็นครั้งรุนแรงที่สุดในเกาหลีใต้ ซึ่งอาจจะสิ้นสุดลงหรือลุกลามมากยิ่งขึ้นอีกครั้ง
ขณะที่ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของเกาหลีใต้ พร้อมรับมืออย่างเต็มที่ก่อนถึงเทศกาลวันหยุดตรุษจีนที่เริ่มตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 14ก.พ.64 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ชาวเกาหลีใต้ มักออกเดินทางทั่วประเทศเพื่อไปเยี่ยมญาติและครอบครัว โดยมีการใช้นโยบายเว้นระยะห่างทางสังคมเพื่อควบคุมการระบาดไปจนถึงวันอาทิตย์นี้ เช่น คำสั่งห้ามการรวมตัวเป็นกลุ่มตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป เกาหลีใต้จะอนุมัติให้ใช้วัคซีนโควิด-19ของแอสตราเซเนกา
ประดับโคมเต็งลั้ง-ทำความสะอาดสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วทำเนียบ
เจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาล นำโคมจีนเต็งลั้งประดับบริเวณประตูทางเข้าออกรอบทำเนียบรัฐบาล จำนวน 6 คู่ 12 โคม ได้แก่ ประตู 1, 2, 3, 4, 5 และ 8 เพื่อต้อนรับเทศกาลตรุษจีนและเพื่อความเป็นสิริมงคลประจำปี 2564 ซึ่งเป็นประจำทุกปีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ให้นำโคมจีนเต็งลั้ง มาประดับร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน และแสดงความยินดี อวยพรให้คนไทยเชื้อสายจีนมีความสุขสดชื่น
สำหรับโคมเต็งลั้ง หรือ โคมตรุษจีน ตามความเชื่อของคนจีน เป็นเครื่องชี้นำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มองเห็นบ้านที่ห้อยโคมจีนก่อน ช่วยให้คนในบ้านนี้มีความสุข ความเจริญ ความร่ำรวย มีแสงสว่างโชติช่วงชัชวาล โดยโคมเต็งลั้งนี้จะประดับไปจนถึงวันที่ 13 ก.พ.64
นายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ให้เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดศาลพระภูมิเจ้าที่ ศาลตาศาลยาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพบูชาของทำเนียบรัฐบาล เพื่อต้อนรับตรุษจีน
ปชช.ร้องน้ำมันปาล์มขวดแพง ร้านร่วมโครงการคนละครึ่ง-ธงฟ้า ซื้อตุน เก็งกำไร
สถานการณ์จำหน่ายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดในท้องตลาดราคาแพง ทำให้ร้านค้าปลีกและซูเปอร์มาร์เกตหลายแห่ง ออกประกาศจำกัดการซื้อไม่เกินครัวเรือนละ 3 ขวด หลังพบว่ามีประชาชน ร้านค้าโชห่วย และผู้ประกอบการร้านอาหาร โดยเฉพาะอาหารประเภททอด แห่ซื้อไปตุนไปใช้จำนวนมาก จนทำให้น้ำมันปาล์มขวด เริ่มพร่องไปจากชั้นวาง
พ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่พอเห็นน้ำมันปาล์มขวดแพงขึ้นก็มาหาซื้อกันมากขึ้นเพราะเกรงว่าราคาจะสูงขึ้นไป และยังกลัวว่าน้ำมันปาล์มจะขาดตลาดไม่มีขายเหมือนก่อน ขณะที่ ร้านโชห่วยบางรายก็เข้ามาซื้อตุนไว้และนำไปขายต่อทำกำไร ทำให้ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ต้องออกประกาศจำกัดโควตาการซื้อ
นอกจากนี้ ยังได้รับร้องเรียนจากประชาชนว่าร้านโชห่วย และร้านค้าตามตลาดสดที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง และร้านธงฟ้า มีการปรับราคาขายน้ำมันปาล์มขวดขึ้นไปถึง 50-55 บาท ร้านค้าส่วนใหญ่รับซื้อมาจากร้านโมเดิร์นเทรดและนำมาขายต่อทำกำไร สามารถทำได้เนื่องจากปัจจุบันกระทรวงพาณิชย์ได้ยกเลิกกำหนดราคาเพดานสูงสุดสำหรับน้ำมันปาล์มขวด 42 บาท และน้ำมันถั่วเหลืองขวด 55 บาทไปแล้ว เพื่อให้ราคาสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง หลังจากที่ผ่านมา ราคาน้ำมันปาล์ม ลดลงไปมาก ขายไม่เกินขวด 42 บาท
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ราคาน้ำมันปาล์มที่แพงขึ้นในช่วงนี้ เป็นผลมาจากผลผลิตได้รับความเสียหายจากสภาพอากาศแปรปรวน จนทำให้ผลผลิตลดลง ทำให้ราคาผลปาล์มน้ำมันสูงขึ้นต่อเนื่อง จากกก.ละ 3.00–3.50 บาท ในช่วงกลางปี 63 เป็นกก.ละ 7.00 บาท ในช่วงปลายปี 63 และทรงตัวอยู่ในระดับสูงถึงกก.ละ 7.50 บาท ทำให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบในแหล่งผลิตขยับสูงขึ้นเป็นกก.ละ 39 บาท ส่งผลกระทบต่อโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้น้ำมันปาล์มเป็นวัตถุดิบและมีผลต่อเนื่องถึงราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดในท้องตลาดปรับสูงขึ้น คาดว่า ผลปาล์มจะออกเพิ่มขึ้นเข้าสู่ภาวะปกติในเดือนมี.ค.64
คนตกงานปี63 รีบยื่นภาษีออนไลน์ ทบทวนสิทธิ ‘เราชนะ’ ใน7วัน
น.ส.กุลยา ตันติเตมิท โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กลุ่มคนที่เพิ่งตกงานปี 63 ซึ่งไม่ผ่านการตรวจสอบสิทธิในโครงการเราชนะ เนื่องจาก มีการนำเงินได้พึงประเมินภาษีในปี 62 เกิน 300,000 บาทมาตรวจสอบ กระทรวงการคลัง เปิดให้ยื่นทบทวนสิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ.-8 มี.ค.64 โดยผู้ที่ยื่นทบทวนในกลุ่มนี้ จะต้องรีบยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 63 เข้ามาในเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของกรมสรรพากรให้เสร็จภายใน 7 วัน นับตั้งแต่ยื่นขอทบทวนสิทธิด้วย เพื่อให้ได้ข้อมูลภาษีล่าสุดซึ่งเป็นปีที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มาคัดกรองใหม่ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหากรณีที่ถูกตัดสิทธิจากการคิดฐานภาษีเงินได้ปีเก่าไปได้
-ผู้ยื่นทบทวนสิทธิเรื่องทั่วไป หากทำก่อนวันที่ 21 ก.พ.64 จะรับทราบผลทบทวนวันที่ 4 มี.ค.64 และได้รับเงิน 11 มี.ค. 64
-หากยื่นทบทวนระหว่าง 22 ก.พ.-8 มี.ค.64 จะประกาศผล 19 มี.ค.64และได้รับเงิน 25 มี.ค. 64
-กลุ่มขอทบทวนสิทธิเรื่องเงินได้ประเมินภาษี จะประกาศผล 19 มี.ค.64 และได้เงินวันที่ 25 มี.ค.64
ปัจจุบันมีผู้ยื่นทบทวนสิทธิเข้ามาแล้ว 390,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นปัญหามีรายได้พึงประเมินภาษีเกิน 300,000 บาท
ส่วนผู้ลงทะเบียนเราชนะผ่านเว็บไซต์ในปัจจุบันมี 10,600,000 คน ผ่านคัดกรองแล้ว 6,400,000 คน เมื่อรวมกับกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 3,800,000 คน กลุ่มใช้แอปพลิเคชัน เป๋าตัง 8,400,000 คน ทำให้มีผู้ผ่านสิทธิเราชนะรวมแล้ว 28,500,000 คน และคาดว่า หลังจากนี้จะมีผู้ผ่านสิทธิอย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ในกรอบเป้าหมายที่คลังตั้งไว้ 31,000,000 คน คิดว่าเพียงพอไม่ต้องขยายความช่วยเหลือเพิ่ม
คนไม่มีสมาร์ทโฟน นำบัตรประชาชนใช้จ่ายแทนมือถือได้ ลงทะเบียน 15-25 ก.พ.
การเปิดลงทะเบียนเราชนะในกลุ่มเก็บตก ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน หรืออินเทอร์เน็ต หรือผู้อยู่ในภาวะพึ่งพิง ทางกระทรวงการคลัง ได้แก้ไขปัญหา โดยจะเปิดจุดลงทะเบียนที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา เริ่มตั้งแต่วันที่ 15-25 ก.พ. 64 ซึ่งจะต้องเดินทางมาลงทะเบียนยืนยันตัวตนด้วยตัวเอง ส่วนกลุ่มคนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ธนาคารกรุงไทยได้ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ จัดให้มีจุดบริการเคลื่อนที่ 50-100 ทีม เพื่อลงเปิดรับลงทะเบียนถึงที่
ผู้ผ่านคัดกรองคุณสมบัติจะได้วงเงิน 3,500 บาทต่อเดือน ระยะเวลา 2 เดือน โดยให้มีการใช้จ่ายผ่านบัตรประชาชนที่มีชิพแทนใช้ผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือแอปฯ เป๋าตัง ซึ่งรูปแบบจะใช้จ่ายคล้ายกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อแก้ปัญหาการไม่มีโทรศัพท์ อย่างไรก็ดี ผู้ถือบัตรประชาชนรุ่นเก่า ต้องไปเปลี่ยนเป็นบัตรรุ่นใหม่ฝังชิพ เป็นครั้งแรกที่มีการใช้บัตรประชาชนมาใช้จ่ายได้ หลังจากนี้กระทรวงการคลัง จะนำเสนอเรื่องให้คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติต่อไป
CR:สถานีกระทรวงการคลัง