นายอเล็กซ์ กอร์สกี ซีอีโอของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J)ของสหรัฐฯเปิดเผยว่าในอนาคต ประชาชนอาจจะต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนทุกปีเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 แต่น่าเสียดายที่เชื้อไวรัสโควิด-19 สามารถจะกลายพันธุ์ด้วย ซึ่งทุกครั้งที่เชื้อไวรัสมีการกลายพันธุ์ เชื้อไวรัสจะระบาดได้เร็วกว่าเดิม จะกระทบต่อความสามารถในการป้องกันของภูมิคุ้มกันในร่างกายของมนุษย์ หรือทำให้นักวิจัยต้องคิดค้นยาใหม่ หรือวัคซีนสูตรใหม่มารักษาโรคโควิด-19
ทั้งนี้ J&J ได้ยื่นเรื่องต่อองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ(FDA) ให้พิจารณาอนุมัติใช้วัคซีนจาก J&J ในการป้องกันโรคโควิด-19 เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว คาดว่า FDA จะอนุมัติวัคซีนจาก J&J ปลายเดือนนี้ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนระบุว่าวัคซีนจาก J&J มีข้อดีหลายอย่างเมื่อเทียบกับวัคซีนอื่นๆ เช่น ฉีดวัคซีนเพียงเข็มเดียว และสามารถเก็บได้ในอุณหภูมิแช่เย็นของตู้เย็นทั่วไปในบ้าน ขณะที่วัคซีนอีก 2 ตัวที่ FDA อนุมัติก่อนหน้านี้คือ วัคซีนจากบริษัทไฟเซอร์และบริษัทโมเดอร์นาของสหรัฐฯ ต้องฉีด 2 โดส โดยเฉพาะวัคซีนจากไฟเซอร์ต้องเก็บไว้ในอุณหภูมิลบ 70 องศาเซลเซียส
ผลทดลองทางคลินิก ชี้ว่า วัคซีนจาก J&J มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19 ร้อยละ 66 โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยปานกลางถึงรุนแรง ลดการเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลร้อยละ 85 และเท่าที่ทดลองมาทุกภูมิภาคทั่วโลก คือไม่มีผู้เสียชีวิตจากวัคซีนของ J&J แม้แต่รายเดียว อีกทั้งสามารถป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ เช่น การวิจัยในแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่พบการระบาดของเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์ ทีมวิจัยพบว่าวัคซีนจาก J&J มีประสิทธิภาพป้องกันโรคร้อยละ 57 และมีประสิทธิภาพร้อยละ 66 ในแถบละตินอเมริกา
Cr: CNN, Pix11