ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ข้อมูลเรื่องการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ว่า ตอนนี้ที่ จ.สมุทรสาคร ใช้วิธีการตรวจเลือดเพื่อหาแอนติบอดีว่าติดเชื้อหรือไม่ว่า เป็นเรื่องที่ศูนย์โรคอุบัติใหม่เสนอว่าควรใช้การคัดกรองและวินิจฉัยการติดเชื้อด้วยการตรวจเลือดจากวิธีมาตรฐาน (Elisa) ตั้งแต่เดือนมี.ค.63 และเมื่อเลือดออกมาเป็นผลบวกจึงตรวจต่อว่ามีเชื้อปล่อยออกมาหรือไม่ ด้วยการตรวจหาเชื้อทางโพรงจมูกมีความรวดเร็วและมีความแน่นอนและราคาถูกกว่า
การตรวจด้วยวิธีมาตรฐานนี้มีความไว 100% และ จำเพาะ 100% ทั้งนี้ เนื่องจากใช้ recombinant protein RBD และ ACE2 ในการตรวจ IgM IgG และ ภูมิคุ้มกันที่ยับยั้งไวรัสได้ neutralizing antibody
การแยงจมูกหาเชื้อ ด้วยกระบวนการ PCR จะไม่พบเชื้อทั้งหมดทุกคน ถ้าแยงครั้งเดียว จะเห็นได้ว่าคนป่วยหลายคน มีอาการปอดบวมด้วยซ้ำ แต่การตรวจหาเชื้อทางโพรงจมูก ไม่เจอสองครั้ง มาเจอครั้งที่สาม เหตุการณ์เหล่านี้เป็นเรื่องที่รับทราบกันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ข้อมูลจากการเจาะเลือดพิสูจน์แล้วและกำลังจะตีพิมพ์ในวารสาร PlosOne ซึ่งการตรวจที่มีการติดเชื้อที่ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในขณะนี้ การหาเชื้อโดยแยงจมูกกับการตรวจเลือดของเราที่ศูนย์อุบัติใหม่กาชาดตรงกัน
ข้อมูลเพิ่มเติม จาก www.hfocus.org ระบุว่า การตรวจเชิงรุกเช่นนี้สามารถทำได้โดยการเจาะเลือดปลายนิ้ว ปริมาณน้อย ซึ่งสามารถระบุได้ว่ามีการติดเชื้อแล้วหรือไม่ ทั้งนี้เป็นการตรวจหาหลักฐานทั้งสามแบบคือการตรวจ IgG IgM และ ภูมิ neutralizing antibody (NT) ซึ่งต้องตรวจทั้งสามชนิดเนื่องจากผู้ที่ติดเชื้อจะได้รับเชื้อในช่วงเวลาแตกต่างกัน ดังนั้นต้องตรวจทั้งสามตัว และถ้าผลเลือดเป็นบวกแสดงว่า”มีการติดเชื้อ” ก็ต้องพิสูจน์ว่า”ยังปล่อยเชื้อได้หรือไม่” ด้วยการแยงจมูกและลำคอและทำการตรวจ RT PCR ซึ่งต้องตรวจมากกว่าหนึ่งครั้งและอาจจะต้องมากถึงสองถึงสามครั้งในช่วงเวลา 7 วัน ถึง 14 วัน
ในทางกลับกันถ้าผลเลือดเป็นลบในการเจาะครั้งแรก ต้องการ “ยืนยันชัดเจน” ต้องตรวจเลือดซ้ำเป็นครั้งที่สองในวันที่ 5-7 ทั้งนี้เนื่องจากอาจจะมีการติดเชื้อก่อนหน้าวันที่เจาะเลือดไม่กี่วัน ถ้าครั้งที่สองผลเลือดเป็นลบ จะสร้างความมั่นใจว่าไม่ได้ติดเชื้อ
CR:ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ,www.hfocus.org