นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุถึงแผนหลักการจัดหาวัคซีนของไทย ว่าเดิมไทยจะจองซื้อวัคซีนที่เป็นสูตรการผลิต จากมหาวิทยาลัยชั้นนำในอังกฤษ ซึ่งทำสัญญาไว้แล้ว 61 ล้านโดส ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2563 ซึ่งตอนนั้นยังไม่เกิดการระบาดรอบใหม่ในประเทศไทย แต่เมื่อเกิดการระบาดรอบใหม่ จึงได้ปรับแผนและจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมจากผู้ผลิตจีน จำนวน 2 ล้านโดส ซึ่งตามสัญญานั้น ทางผู้ผลิตจะส่งวัคซีนมาให้ไทยภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ 2 แสนโดส เดือนมีนาคม 8 แสนโดส และในช่วงเดือนเมษายนอีก 1 ล้านโดส ส่วนแผนการหลักในเดือนมิถุนายน จะเริ่มแจกจ่ายวัคซีนให้กับประชาชน ซึ่งเป็นวัคซีนที่ผลิตภายในประเทศไทย
สำหรับวัคซีนจากจีนนั้น ผ่านการรับรองจากประเทศต้นทาง โดยเอกสารทั้งหมดจะส่งมาที่ไทย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับไทย ในการขึ้นทะเบียนวัคซีนในประเทศไทย
นายอนุทิน ย้ำว่า ประเทศไทยไม่เคยปิดกั้นเรื่องการจัดหาวัคซีน และพร้อมหารือกับทุกฝ่าย แต่การจัดหาวัคซีน ต้องเป็นไปภายใต้เงื่อนไขที่ทางการไทยและทางผู้ผลิตยอมรับกันได้ ซึ่งไทยจะคำนึงถึงเรื่องของความปลอดภัย ราคา การขนส่ง ระยะเวลาที่จะได้รับ ว่าเหมาะสมกับประเทศไทยหรือไม่ ดังนั้น ประเทศไทยไม่ได้ล้มเหลวกับการได้เป็นฐานการผลิตวัคซีนสูตรเดียวกับมหาวิทยาลัยชั้นนำจากประเทศอังกฤษ จะทำให้ไทยได้เป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ได้เป็นฐานการผลิต จะทำให้สะดวกในการจัดหาและกระจายวัคซีนให้ประชาชนในอนาคต ดีกว่าการรอให้ประเทศอื่นผลิตแล้วไทยต้องไปคอยลุ้นว่าจะได้รับจัดสรรจากประเทศต้นทางหรือไม่ ซึ่งอาจจะกระทบกับแผนจัดการโรคระบาดของไทย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า การระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ เกิดจากการกระทำผิดกฎหมาย เช่น ลักลอบเข้าเมือง บ่อนการพนัน แต่กลับมีความพยายามตำหนิการทำงานของทีมสาธารณสุข จึงไม่อยากให้นำการสาธารณสุขของไทยไปเปรียบเทียบกับใคร เพราะไทยควบคุมการระบาดได้ดี ติดอันดับต้นๆของโลกอยู่แล้ว