ครบรอบ48 ปี ! การเคหะ เตรียมออก 5 โครงการหาบ้านใหม่ ดอกเบี้ยต่ำ ครอบคลุมทุกกลุ่ม

         จากข้อมูลของการเคหะแห่งชาติ  พบว่ามีคนไทยที่ยังไม่มีบ้านของตัวเองกว่า 6,000,000 ครัวเรือน ยิ่งเมื่อเกิดการระบาดของโควิด-19 ก็ยิ่งทำให้โอกาสเข้าถึงบ้านที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยยากยิ่งขึ้น การเคหะแห่งชาติ จึงพยายามหามาตรการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลาง ให้มีบ้านเป็นของตัวเอง พร้อมเตรียมปรับมาตรการช่วยเหลือประชาชนในปี 2564 เพื่อให้ตรงกับความต้องการและบรรเทาความเดือดร้อนได้ตรงจุดยิ่งขึ้น

         นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตั้งแต่ก่อตั้งการเคหะแห่งชาติ เมื่อปี 2519 ตลอด 48 ปีที่ผ่านมา การเคหะแห่งชาติ สามารถพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยให้ประชาชนมากกว่า 740,000 หน่วย หลายโครงการที่รู้จักคุ้นเคยกันดี เช่น โครงการบ้านเอื้ออาทร  โครงการเคหะชุมชน โครงการแก้ไขปัญหาชุมชนแออัด  โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง เป็นต้น  และเมื่อเกิดการระบาดของโควิด-19 การเคหะแห่งชาติ จึงจัดมาตรการช่วยเหลือ ทั้งในด้านการเงินและสังคม เช่น พักชำระค่าเช่าซื้อ,พักชำระเงินมัดจำและเงินจอง,การยกเว้นค่าเช่าชั่วคราวและการสร้างอาชีพในชุมชน

         สำหรับในปี 2564 การเคหะแห่งชาติ ได้จัดทำโครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย วงเงิน 5,207 ล้านบาท ปัจจุบันอนุมัติสินเชื่อไปแล้ว 114 ราย รวมทั้งเตรียมจัดทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยอีก 5 โครงการ  คือ  โครงการบ้านเคหะสุขประชาและเศรษฐกิจสุขประชา ซึ่งเป็นโครงการบ้านเช่าพร้อมอาชีพ, โครงการ "บ้านเกษียณสุข" สำหรับข้าราชการชั้นผู้น้อยที่เกษียณอายุ,โครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ, โครงการที่อยู่อาศัยตามแนวโครงข่ายคมนาคม และโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการ

         นอกจากนี้ ยังมีโครงการช่วยเหลือทางการเงิน สำหรับผู้ต้องการมีบ้าน เช่น โปรโมชั่นดอกเบี้ยเช่าซื้อ 0% เป็นเวลา 1 ปี สำหรับลูกค้าที่สถาบันการเงินปฏิเสธสินเชื่อ, โปรโมชั่นลดราคาโครงการบ้านเอื้ออาทร 56 โครงการ, โปรโมชั่นเช่าที่พักอาศัยของการเคหะแห่งชาติในราคาพิเศษ ส่วนลูกค้าเดิม มีมาตรการลดดอกเบี้ยค่าเช่าซื้อ ขยายเวลาผ่อนชำระ ปรับโครงสร้างหนี้ผู้ที่ค้างชำระ รวมทั้งเตรียมออกพันธบัตรเพื่อระดมทุนปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ เพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย การเคหะแห่งชาติ ต้องการให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพชีวิตที่ดี ภายในปี 2579 ตามแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี