วันนี้ครบหนึ่งสัปดาห์ หลังคณะรัฐประหารที่นำโดยพล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมา เข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลของนางอองซาน ซูจี หัวหน้าพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย(NLD) เมื่อวันจันทร์ที่แล้ว(1 ก.พ. 64) พร้อมทั้งกลับมาเปิดระบบอินเตอร์เน็ตและระบบโทรศัพท์ตามปกติในวันนี้ หลังสั่งตัดสัญญาณระบบสื่อการของเมียนมา 1 สัปดาห์
นายอี ธินซาร์ หม่อง (Ei Thinzar Maung) อดีตนักศึกษาและแกนนำนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยของเมียนมา ระบุทางเฟซบุ๊กขอให้ประชาชนเข้าร่วมการประท้วงในนครย่างกุ้งในวันนี้ให้มากๆและขอให้คนงานหยุดงานประท้วงอย่างสันติในโอกาสครบหนึ่งสัปดาห์หลังการยึดอำนาจ โดยแกนนำจะแจ้งเรื่องเวลาและสถานที่ชุมนุมให้ผู้ร่วมการประท้วงทราบในภายหลัง
ด้านนายมิน โกเนียง (Min Ko Naing) อดีตแกนนำผู้ประท้วงในปี 2531 ซึ่งทำให้นางซูจี เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก ขอร้องให้เจ้าหน้าที่ของรัฐจากทุกหน่วยงานหยุดทำงานในวันนี้และเข้าร่วมการประท้วงกับกลุ่มผู้ชุมนุม
นายหม่อง ซองคา (Maung Saungkha)และนายเทท ซเว วิน (Thet Swe Win)สองแกนนำนักเคลื่อนไหวของเมียนมาโพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กว่าตำรวจได้บุกเข้าตรวจค้นบ้าน ในช่วงที่ไม่ได้อยู่บ้าน
นอกจากการประท้วงตามท้องถนน บรรดาเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล เช่น เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ครูอาจารย์และคนงานในหน่วยงานของรัฐบาลเริ่มใช้วิธีอารยะขัดขืน นัดหยุดงานประท้วง
ประชาชนหลายหมื่นคนในหลายเมืองทั่วประเทศ รวมถึงกรุงเนปิดอว์ เข้าร่วมการประท้วงคัดค้านการยึดอำนาจและกักขังนางซูจีและแกนนำระดับสูงหลายคนของพรรค NLD นับเป็นการประท้วงใหญ่ที่สุดนับแต่การประท้วงใหญ่ในปี 2550 ซึ่งมีพระสงฆ์เป็นแกนนำในการประท้วงขับไล่รัฐบาลเผด็จการ
ประชาชนส่วนใหญ่ในเมียนมา เกรงว่า เมียนมาอาจจะถูกนานาชาติกลับมาคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอีกครั้ง จะทำให้ประชาชนที่มีฐานะยากจนอยู่แล้วยิ่งจะชีวิตความเป็นอยู่ที่ยากลำบากมากขึ้นเท่าๆกับยุคก่อนเปลี่ยนแปลงระบบปกครองจากเผด็จการมาสู่ระบอบประชาธิปไตยเมื่อปี 2554
Cr: Reuters