วันนี้ (5 ก.พ.64) ผู้ตรวจการแผ่นดิน ประชุมร่วมกับตัวแทนกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียน กรณีการเรียกคืนเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่ได้รับซ้ำซ้อนกับเงินบำนาญพิเศษ
พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยหลังการประชุมว่าผู้ตรวจการแผ่นดิน มีมติว่าเงินบำนาญพิเศษเพื่อตอบแทนให้กับผู้ปฎิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติ เป็นเงินคนละก้อนกับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ดังนั้น ประชาชนจึงมีสิทธิได้เงินทั้ง 2 ก้อนนั้น ที่ประชุมในวันนี้ จึงมีมติให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไปปรับปรุงแก้ไขระเบียบ ตามมาตรา 33 ให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน ให้ผู้ที่ได้รับบำนาญพิเศษ สามารถได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุด้วย
ส่วนผู้ที่ได้รับเงินไปแล้ว ต้องไปกำหนดบทเฉพาะกาล ซึ่งถือให้เป็นการได้โดยสุจริต และเมื่อเทียบเคียงกับคำพิพากษาศาลฎีกา หมายเลขคดีที่10850 ซึ่งถือว่าเป็นลาภที่ไม่ควรได้ ก็ไม่ต้องไปเรียกเงินคืนจากบุคคลนั้นๆ แต่ในกรณีบุคคลที่นำเงินมาคืนภาครัฐแล้ว ถือว่าได้แสดงสิทธิเจตนารมณ์ที่จะมาคืน ไม่ได้อยู่ในฐานะที่เดือดร้อน หรือเป็นผู้มีรายได้น้อย ก็แสดงว่ามีเจตนาว่าจะไม่รับเงินก้อนนี้