ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา 08.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ 2564

04 กุมภาพันธ์ 2564, 09:27น.


'หมอยง'จับตาวัคซีนSputnik Vของรัสเซีย น่าสนใจ



          ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า โควิด-19 วัคซีน Sputnik V ของรัสเซีย ในที่สุดข้อมูลการศึกษาระยะที่ 3 วัคซีน Sputnik V ได้มีการเผยแพร่ในวารสารชื่อดัง Lancet กลบข้อกล่าวหาที่เคยคลุมเครือในอดีต ประสิทธิภาพสูงถึงร้อยละ 91.6 ประสิทธิภาพค่อนข้างชัดเจนมากในการศึกษาวิจัย



         วัคซีน Sputnik V เป็นไวรัส Vector เช่นเดียวกับ AstraZeneca ที่ใช้ adenovirus เป็นตัวนำสารพันธุกรรมเข้าสู่เซลล์มนุษย์แล้วให้เซลล์มนุษย์สร้างโปรตีนเปลือกผิวของไวรัสโควิด ที่เรียกว่าสไปรท์โปรตีนAstraZeneca ใช้ adenovirus ของลิงชิมแปนซี เพื่อหวังหลบหลีกภูมิต้านทานของมนุษย์ ใช้ 2 เข็มเหมือนกัน

         วัคซีนSputnik V ของรัสเซียใช้ adenovirus ของมนุษย์ แต่ใช้ไวรัส 2 ตัว คือ adenovirus 5 และ adenovirus 26



          การฉีดใน 2 เข็ม วัคซีนที่ใช้ฉีดจะต่างชนิดกัน เช่นครั้งแรกให้ adenovirus 5 เข็มที่ 2 จะให้ adenovirus 26 เพื่อป้องกันภูมิต้านทานต่อ adenovirus ที่ฉีดในเข็มแรก มารบกวนการสร้างภูมิต้านทานของเข็มที่ 2 ซึ่งก็มีเหตุผล

          จากการทดลองของรัสเซียพบว่า ถ้าให้ไวรัสชนิดเดียวที่ เป็น vector ตัวเดียวกัน การกระตุ้นเข็มที่ 2 ภูมิต้านทานจะขึ้นน้อย ไม่เหมือนกับการใช้ไวรัสต่างชนิด ภูมิคุ้มกันจะขึ้นสูงมากกว่า



          ดังนั้นวัคซีน Sputnik V ของรัสเซียจะฉีดเข็มที่ 1 และ 2 จะต้องมีการแยกแยะจากกัน จะไม่ฉีดไวรัสเวกเตอร์ตัวเดียวกัน เหมือนอย่างใน AstraZeneca



          ข้อมูลที่ลงพิมพ์ในวารสาร Lancet ทำให้วัคซีนของรัสเซีย น่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น วัคซีน Sputnik V ได้ขึ้นทะเบียนให้ใช้ในภาวะฉุกเฉินแล้ว 17 ประเทศ และให้ทะเบียนแบบปกติ 1 ประเทศราคาที่ประกาศไว้บนหน้าเว็บของบริษัทก็บอกไว้ว่าราคาไม่เกิน 10 เหรียญสหรัฐฯ ขึ้นอยู่กับการต่อรอง เมื่อศึกษาในรายละเอียดแล้วเป็นวัคซีนที่น่าสนใจอีกตัวหนึ่ง



         Sputnik 1-4 (I-IV) เป็นชื่อยานอวกาศ ที่ส่งขึ้นก่อนใครในโลก Sputnik V รัสเซียต้องการตั้งเป็นนัยว่าผลิตวัคซีนได้ก่อนใครในโลก จึงตั้งชื่อเดียวกับยานอวกาศ 1-4 แล้วต่อตัวที่ 5 เป็นชื่อวัคซีน



CR:เฟซบุ๊ก Yong Poovorawan 



สมุทรสาคร คัดกรองเชิงรุก พบผู้ติดเชื้อ 786 คน  



         สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 จ.สมุทรสาคร ข้อมูลเมื่อวันที่ 24.00 น.วันที่ 3 ก.พ.64



-ผู้ป่วยรายใหม่ 786 คน เป็นการค้นหาเชิงรุก 750 คน พบผู้ติดเชื้อต่างด้าวมากกว่าคนไทย และไปรักษาที่โรงพยาบาล 36 คน พบผู้ติดเชื้อเป็นต่างด้าวมากกว่าคนไทย



-ผู้ป่วยยืนยันสะสม 13,693 คน



-หายป่วย/จำหน่ายแล้ว  6,992 คน



-เสียชีวิตสะสม 5 ราย





          วันนี้ เจ้าหน้าที่จะลงตรวจคัดกรองเชิงรุก ที่ชุมชนบ้านคลองกระทุ่มแบน เวลา 09.00-12.00 น. ที่เทศบาลเมืองคลองมะเดื่อ มีจำนวนคน 300 คน



          นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง แนวโน้มการควบคุมโรคใน จ.สมุทรสาครว่าดีขึ้น แม้พบผู้ติดเชื้อวันละหลายร้อยคนจากการตรวจเชิงรุก ได้ค้นหาเชิงรุกแล้ว 140,000 คน เกินเป้าที่กำหนดไว้จากโรงงาน 541 แห่ง แต่ทำได้มากถึง 845 แห่ง โรงงานขนาดใหญ่ที่มีมากกว่า 500 คน และโรงงานขนาดกลางที่มี 200-500 คน ได้รับการตรวจคัดกรองแล้วทั้งหมด ทำให้ทราบโรงงานเป้าหมายที่ต้องควบคุมโรคด้วยมาตรการ Bubble and Seal เพื่อควบคุมเชื้อไม่ให้หลุดออกมาสู่สังคมภายนอก  ซึ่งตอนนี้มีหลายโรงงานแล้วที่ทำได้ โดยอีก 2-3 วันผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการจะออกมาครบทั้งหมด คาดว่า การติดเชื้อน่าจะลดลงจากนี้การเฝ้าระวังเชิงรุกจะทำในพื้นที่เสี่ยงและโรงงานขนาดเล็กที่ยังดำเนินการไม่ครอบคลุม และเตรียมแผนมาตรการรองรับต่อไป



          นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง หลักการจัดการโควิด-19 ในโรงงานอย่างมีส่วนร่วม (Bubble and Seal) คือ Seal ใช้กับโรงงานที่พนักงานสามารถพักในโรงงานได้ เอื้อต่อการใช้มาตรการ คาดว่าใช้เวลา 28 วันจะสามารถควบคุมโรคได้ 



          ส่วน Bubble ใช้กับโรงงานที่พนักงานพักอยู่นอกโรงงาน จะมีการควบคุมโรคที่ยากกว่า ขอความร่วมมือเจ้าของโรงงานนำพนักงานมาอยู่ในโรงงานให้มากขึ้น หรือจัดหาที่พักพนักงานให้อยู่ในสถานที่ที่กำหนด ควบคุมได้ เช่น หอพัก พร้อมให้โรงงานเข้มมาตรการป้องกันโรค นอกจากนี้ ได้ประสานฝ่ายปกครองและฝ่ายความมั่นคงเข้าร่วมควบคุมพื้นที่ตามแผน



          เรื่องการปิดโรงงานจะดำเนินการเป็นวิธีสุดท้าย นอกจากพบว่าเป็นแหล่งเพาะเชื้อและไม่สามารถควบคุมโรคได้จะประสานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเพื่อออกคำสั่งต่อไป



นักเรียนโรงเรียนวัดจันทร์ประดิษฐารามไม่ติดเชื้อ



          นายเกรียงไกร จงเจริญ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา กล่าวถึงกรณี กรุงเทพมหานคร สั่งปิดโรงเรียนวัดจันทร์ประดิษฐาราม หลังตรวจคัดกรองโรงงานแห่งหนึ่งย่านภาษีเจริญ พบผู้ติดเชื้อ 27 คนว่า โรงเรียนดังกล่าวไม่มีคนติดเชื้อ แต่อยู่ใกล้กับโรงงานและชุมชน อาจทำให้นักเรียนเป็นกลุ่มเสี่ยง ดังนั้นเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด จึงสั่งปิดโรงเรียนพร้อมทั้งให้ครูประจำชั้นคอยสอบถามอาการนักเรียน มีไข้หรือเข้าข่ายติดเชื้อหรือไม่ ขณะนี้ทราบว่ายังไม่มีใครป่วย จากนั้นจะเร่งทำความสะอาดโรงเรียนทุกจุด



เปิดไทม์ไลน์ กทม.ติดเชื้อ 9 คน กลุ่มเพื่อน-พนักงานโรงงานย่านเพชรเกษม



          กรุงเทพมหานคร สรุปยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค.63- 3 ก.พ.64 รวม 799 คน การติดเชื้อในประเทศส่วนใหญ่มาจากการสัมผัสผู้ป่วยยืนยันที่เป็นคนในครอบครัวหรือจากคนในที่ทำงาน การไปสถานบันเทิง สถานที่ชุมชน การตรวจเชิงรุกในตลาดและชุมชน พร้อมเปิดไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อที่สอบสวนโรคแล้วเสร็จอีก 9 คน



-ผู้ป่วยรายที่ 712 เป็นชาย พบประวัติไปร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอย ย่านบางโคล่ มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ เป็นเพื่อนที่มาหาและเล่นเกมในห้อง ดื่มน้ำแก้วเดียวกัน



-ผู้ป่วยรายที่ 713 เป็นชาย พบประวัติอาศัยอยู่ที่บ้านแขวงบางโพงพาง, ไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมลูก, ไปเล่นเกมที่บ้านเพื่อน และสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้



-ผู้ป่วยรายที่ 714 เป็นหญิง พบประวัติอาศัยอยู่ที่บ้านแขวงอรุณอัมรินทร์ มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้



-ผู้ป่วยรายที่ 715-716 เป็นผู้ป่วยจากต่างจังหวัดที่เข้ามารับการรักษาในพื้นที่กรุงเทพฯ



-ผู้ป่วยรายที่ 717 เป็นหญิง อาชีพพนักงานเย็บผ้า พบประวัติปั่นจักรยานไปทำงานที่โรงงานแถว ถ.เพชรเกษม, ไปตลาดนัดวัดรางบัว



-ผู้ป่วยรายที่ 718 เป็นชายชาวเมียนมา อาชีพพนักงานโรงงาน พบประวัติเดินไปทำงานที่โรงงานแถว ถ.เพชรเกษม



-ผู้ป่วยรายที่ 719 เป็นหญิงชาวเมียนมา อาชีพพนักงานเย็บผ้า พบประวัติเดินไปทำงานที่โรงงานแถว ถ.เพชรเกษม



-ผู้ป่วยรายที่ 720 เป็นชายชาวเมียนมา อาชีพพนักงานเย็บผ้า พบประวัติปั่นจักรยานไปทำงานที่โรงงานเขตบางแค ไปตลาดสดที่ซอยเพชรเกษม 52, ไปตลาดบางแค, ไปห้างซีคอนสแควร์ สาขาบางแค



ผู้ป่วยที่เป็นหมอ ติดเชื้อจากคนไข้คนที่ 2 จากโต๊แชร์ในจ.มหาสารคาม



          คลัสเตอร์ผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมจากผู้ป่วยในกลุ่มกินเลี้ยงโต๊ะแชร์ คนล่าสุดที่เป็นหมอเจ้าของคลินิกในพื้นที่ จ.มหาสารคาม เป็นผู้ป่วยคนที่ 17 ของกลุ่มนี้ และเป็นผู้ป่วยรายที่ 18 ของจ.มหาสารคาม หมอติดเชื้อจากการตรวจคนไข้ที่เป็นผู้ติดเชื้อยืนยัน 3 คน  



รายละเอียดของไทมไลน์ผู้ป่วยที่เป็นหมอ



-13 ม.ค.64 ผู้ป่วยติดเชื้อระลอกใหม่คนที่ 11 เดินทางมาตรวจรักษาที่คลินิก เนื่องจากมีไข้ 



-19 ม.ค.64 ผู้ป่วยติดเชื้อคนที่ 9 มาตรวจรักษาด้วยอาการไอ ไม่มีไข้ที่คลินิก



-25 ม.ค.64 ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อคนที่ 2 มาตรวจรักษาด้วยอาการไข้สูง



-27ม.ค.64 ผู้ป่วยเดินทางไปนมัสการหลวงพ่อที่วัดใน ต.โคกพระ อ.กันทรวิชัย ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา



-28 ม.ค.64ปฏิบัติงานที่คลินิก ช่วงเย็นทราบว่าผู้ป่วยคนที่ 2 ที่มารักษาเมื่อวันที่ 25 ม.ค.64 ติดเชื้อ จึงปิดคลินิกกลับบ้านพักทันที ไม่ได้ออกไปไหน แยกห้องนอน และเริ่มกักตัวเอง



-29 ม.ค.64 ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ครั้งที่ 1 ที่โรงพยาบาลสุทธาเวส ผลปรากฏไม่พบเชื้อ



-31 ม.ค.64 อยู่บ้านพัก มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ครั่นเนื้อครั่นตัว คล้ายจะเป็นไข้



-1 ก.พ.64 เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ครั้งที่ 2 เวลา 17.24 น. ผลยืนยันติดเชื้อโควิด-19 เวลา 22.00 น. ขณะนี้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลมหาสารคาม



          สาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม ได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่ไปใช้บริการที่คลินิกปัญญาการแพทย์ ในช่วงวันที่ 25-28 ม.ค. 64 ไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 



-ผู้ที่อาศัยอยู่ในเขตอำเภอเมืองมหาสารคาม ให้รับการประเมินความเสี่ยงที่ศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองบ้านส่องนางใย



-ผู้ที่อาศัยอยู่นอกเขตอำเภอเมือง ให้รายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ ที่ รพ.สต. ศูนย์สุขภาพชุมชน หรือโรงพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อรับการประเมินคัดกรองความเสี่ยง



CR:สำนักงานสาธารณสุข จ.มหาสารคาม



ผู้สัมผัสกลุ่มเสี่ยงสูง รอผลการตรวจเชื้อ 1,672 คน



          การสอบสวนโรคที่จังหวัดมหาสารคามที่มีการติดจากการไปร่วมรับประทานอาหารโต๊ะแชร์ว่าคลัสเตอร์ของจังหวัดมหาสารคามในขณะนี้รวมตัวเลขติดโควิด-19 อยู่ที่ 21 คน โดยเป็นผู้อยู่ในจังหวัดมหาสารคามจำนวน 17 คน ราชบุรี 3 คน ขอนแก่น 1 คน และขณะนี้ได้มีการติดตามกลุ่มเสี่ยงสูง และกลุ่มเสี่ยง เพื่อค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกจำนวนทั้งหมด 4,149 คน ปรากฏผลออกมาว่าจำนวน 2,477 คน ไม่พบเชื้อ รอผลอยู่อีก 1,672 คน และขณะนี้ได้ประกาศอำเภอเมือง อำเภอกันทรวิชัย ให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด พร้อมกับปิดสถานที่เสี่ยงต่างๆ จำนวน 17 แห่ง เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะต้องควบคุมโดยเร็ว



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X