นักวิเคราะห์ เผยการคว่ำบาตรรอบใหม่จากสหรัฐฯและนานาชาติอาจกระทบแผนลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ฯในเมียนมา

02 กุมภาพันธ์ 2564, 14:08น.


          นายฮันส์ วีเรียนส์ กรรมการผู้จัดการบริษัทวีเรียนส์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส (Vriens & Partners)ของสิงคโปร์ ซึ่งจัดการทรัพย์สินมูลค่า 3,000-4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับลูกค้าต่างชาติที่ลงทุนในเมียนมา เปิดเผยว่า ภาคธุรกิจและนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ คาดว่า มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ที่สหรัฐฯและประชาคมระหว่างประเทศจะประกาศเพื่อลงโทษเมียนมาในเร็วๆนี้  เนื่องจาก กองทัพเมียนมายึดอำนาจจากรัฐบาลของนางอองซาน ซูจี หัวหน้าพรรคสันติบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย(NLD) เมื่อวานนี้จะกระทบต่อเศรษฐกิจของเมียนมาอย่างรุนแรง บริษัทหลายแห่ง ระบุว่า การยึดอำนาจของกองทัพเมียนมา กระทบต่อแผนการลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯในเมียนมาในปีนี้



          นายวิเรียนส์ กล่าวว่า นักลงทุนจากตะวันตกและญี่ปุ่น จะต้องให้รอบคอบ ถ้าหากพวกเขาต้องการจะไปลงทุนในเมียนมาใน 1-2 ปีข้างหน้า คาดว่า นักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่คิดย้ายฐานลงทุนไปยังประเทศจีนแทน แต่บางคนเห็นว่าผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯอาจจะมีไม่มาก เนื่องจาก การลงทุนในเมียนมาส่วนใหญ่มาจากกลุ่มประเทศในเอเชีย ข้อมูลจากธนาคารโลก ระบุว่า สิงคโปร์เป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุดในเมียนมาในปีที่แล้ว คิดเป็นร้อยละ 34 ของโครงการลงทุนทั้งหมดที่ผ่านการอนุมัติจากรัฐบาลเมียนมา รองลงมาคือ ฮ่องกง ร้อยละ 26



          สำหรับการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ(FDI) ในเมียนมา เมื่อปีที่แล้ว มีมูลค่า 5,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรมการผลิตคิดเป็นสัดส่วนเท่าๆกันคือ ร้อยละ 20 แต่หลายฝ่าย เชื่อว่า ตัวเลข FDI ในเมียนมา จะลดลงมากในปีนี้ เนื่องจาก การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน



          ด้านโฆษกบริษัท H&M ผู้ผลิตเครื่องแต่งกายของสวีเดน กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งติดต่อพูดคุยกับบรรดาซัพพลายเออร์ในเมียนมา แต่ขณะนี้บริษัทยังไม่มีแผนระงับคำสั่งซื้อสินค้าจากซัพพลายเออร์ในเมียนมา แต่บริษัทจะติดตามสถานการณ์ในเมียนมาอย่างใกล้ชิด



Cr: BBC

ข่าวทั้งหมด

X