ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส กล่าวปกป้องการตัดสินใจของเขาที่จะไม่ใช้มาตรการล็อกดาวน์ครั้งที่ 3 เพื่อควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศที่มีการระบาดระลอกใหม่เป็นครั้งที่ 3 แล้ว โดยบอกประชาชนว่าเขามีความเชื่อมั่นในความสามารถของทุกคนว่าจะสามารถร่วมมือกันควบคุมโรคได้ และเห็นว่าการระบาดในครั้งนี้มีความรุนแรงน้อยเมื่อเทียบกับ 2 ครั้งก่อนหน้า และการดำเนินโครงการฉีดวัคซีนมีอุปสรรคปัญหา
โดยตั้งแต่วันนี้ (31 ม.ค.) ฝรั่งเศสจะปิดพรมแดนไม่ให้ผู้ที่มาจากนอกสหภาพยุโรปเข้าประเทศ และผู้ที่เดินทางมาจากประเทศภายในกลุ่มจะต้องแสดงผลการทดสอบโควิดเป็นลบ ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ปิดทำการ และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเพิ่มการตรวจตราเพื่อบังคับใช้มาตรการเคอร์ฟิวตั้งแต่เวลา 18.00 น.เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และชาวฝรั่งเศสจำนวนมากเรียกร้องให้ใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโรคระบาด และผลการสำรวจยังพบว่า รัฐบาลมีคะแนนความเชื่อมั่นลดลงต่อการจัดการวิกฤต
โดยเมื่อวันเสาร์ (30 ม.ค.) ฝรั่งเศสรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ 24,393 คน ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสูงกว่า 27,000 คน แต่จำนวนผู้ติดเชื้อที่มีอาการหนักลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 3,113 คน
ขณะเดียวกันยังมีประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมการประท้วงคัดค้านมาตรการควบคุมโควิดในหลายเมือง โดยในบางพื้นที่มีกลุ่มขบวนการ "เสื้อกั๊กเหลือง" ที่เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลเข้าร่วมการเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรการโดยระบุว่าเป็นการละเมิดเสรีภาพ และเรียกร้องสิทธิในการจัดงานปาร์ตี้ได้
....