คณะกรรมาธิการยุโรป ประกาศชะลอมาตรการควบคุมการส่งออกวัคซีนโควิด-19 ที่มีการผลิตในโรงงานซึ่งตั้งอยู่ภายในกลุ่มประเทศสมาชิก จนกว่าประเทศสมาชิกจะได้รับวัคซีนเพียงพอต่อความต้องการ หลังจากที่มีนักการเมืองในสหราชอาณาจักรวิจารณ์ว่า เป็นมาตรการที่เหมือนกับนโยบายอเมริกาต้องมาก่อนของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่วนนพ.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก วิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นความล้มเหลวทางศีลธรรรมขั้นหายนะ, ทำให้สถานการณ์ของโรคระบาดใหญ่ยังคงรุนแรงต่อไป และจะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก
โดยเมื่อวันศุกร์ (29 ม.ค.) คณะผู้ควบคุมกฎระเบียบของสหภาพยุโรปอนุมัติใช้วัคซีนของบริษัทแอสตราเซเนกาต่อบุคคลทุกช่วงอายุ และควบคุมการส่งออกวัคซีนจากสหภาพยุโรป เพื่อเป็นการรับประกันว่าจะมีวัคซีนเพียงพอสำหรับพลเมืองของตน ซึ่งสืบเนื่องมาจากการที่แอสตราเซเนกาแจ้งว่าจะจัดส่งวัคซีนได้น้อยกว่าข้อตกลงประมาณร้อยละ 60 ในช่วงไตรมาสแรกเนื่องจากโรงงานที่ตั้งอยู่ในเบลเยียมมีปัญหาเรื่องกระบวนการผลิต
นพ.ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายโครงการฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก เรียกร้องให้ตระหนักถึงความสำคัญของบุคลากรทางการแพทย์กลุ่มแนวหน้าในประเทศยากจนต่างๆ ที่ไม่มีโอกาสจะได้รับวัคซีน และมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการกระจายห่วงโซ่อุปทานสำหรับผลิตวัคซีนโควิด-19 โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว องค์การอนามัยโลกบรรลุข้อตกลงกับไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค ในการจัดซื้อวัคซีน 40 ล้านโดส เพื่อส่งมอบวัคซีนแก่ประเทศยากจนและมีรายได้ในระดับต่ำภายใต้โครงการโคแวกซ์
...