นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯหรือเฟด เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) เป็นเวลา 2 วัน ว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯขึ้นอยู่กับความคืบหน้าของโครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไม่มีอะไรสำคัญต่อเศรษฐกิจมากไปกว่าการที่ผู้คนได้รับวัคซีน ซึ่งส่วนตัวนายพาวเวลล์ได้รับวัคซีนแล้ว 1 เข็มและจะได้รับเข็มที่ 2 ในเร็ว ๆ นี้
ส่วนผลการประชุม คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับร้อยละ 0.00-0.25 และยังคงจะซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) วงเงินรวม 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อเดือน โดยซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (Treasury securities) ด้วยวงเงิน 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อเดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่ออยู่อาศัยเป็นหลักประกัน (agency mortgage-backed securities) ด้วยวงเงิน 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อเดือน เนื่องจากการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯนับตั้งแต่มีวิกฤตโควิด-19 มีการปรับระดับในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยมีความอ่อนแอกระจุกตัวอยู่ในส่วนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการระบาด
นายพาวเวลล์ อธิบายว่า คนทำงานเกือบ 500,000 คนถูกปลดจากงานที่เกี่ยวกับการพักผ่อนและการบริการ โดยเฉพาะผู้ที่มีค่าแรงต่ำและชาวแอฟริกันอเมริกันและฮิสแปนิก ดังนั้นเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวได้เต็มที่เมื่อคนส่วนใหญ่กลับมาทำงาน เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะไม่เพิ่มต้นทุนการกู้ยืมจนกว่าตลาดแรงงานของประเทศจะฟื้นตัว แม้ว่าจะหมายถึงการปล่อยให้อัตราเงินเฟ้อสูงกว่าอัตราเป้าหมายร้อยละ 2 ก็ตาม
ขณะที่ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจจำนวนมาก ส่งสัญญาณว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯยังมีความไม่แน่นอนและต้องการการสนับสนุนเพิ่มเติม ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ยังคงอยู่ในระดับสูง ตามที่กระทรวงแรงงานสหรัฐฯระบุว่ามีผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานของรัฐในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 16 มกราคมถึง 900,000 คนซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 200,000 รายต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนที่จะมีสถานการณ์โควิด-19
....