ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา 12.30น.วันพุธที่ 27 มกราคม 2564

27 มกราคม 2564, 13:15น.


ลำปางฝุ่นเยอะมาก! เกินค่ามาตรฐาน 13 วันต่อเนื่อง



          สถานการณ์ฝุ่นควัน PM 2.5 ของจังหวัดลำปาง ยังคงเกินค่ามาตรฐานต่อเนื่อง 13 วัน ต่อเนื่อง โดยเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าสถานีควบคุมไฟป่าแจ้ซ้อน จ.ลำปาง สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 สาขาลำปาง ได้เข้าดับไฟที่ลุกไหม้ป่าอนุรักษ์ เขตท้องที่บ้านแม่ลืน ม.5 ต.ร่องเคาะ อ.วังเหนือ พบไฟไหม้ป่าเบญจพรรณ ถูกไฟไหม้เสียหายไปกว่า 11 ไร่ สาเหตุมาจากมีคนเข้าป่า และจุดไฟเผา



          ด้านเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษเหยี่ยวไฟ กรมป่าไม้ ประจำฐานปฏิบัติการเหยี่ยวไฟ จ.ลำปาง ได้เข้าดับไฟที่ไหม้ป่าสงวนแห่งชาติแม่เมาะ เขต ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ โดยกระจายกำลังเข้าดับไฟ ใช้เวลานานกว่า 6 ชั่วโมง จึงเข้าควบคุมสถานการณ์ไฟไหม้ป่าบริเวณนี้ไว้ได้ พบป่าถูกเผาไปกว่า 50 ไร่



          สถิติสะสมจุดความร้อน หรือ จุดฮอตสปอต ที่เกิดไฟไหม้ป่า และการเผาในที่โล่งแจ้งในพื้นที่ จ.ลำปาง ในรอบเดือนม.ค. 64 นี้ เกิดขึ้นแล้ว 645 จุด วันนี้ พบเกิดขึ้น 36 จุด กระจายในหลายอำเภอของ จ.ลำปาง มากสุดที่ อ.งาว , อ.เมืองลำปาง , อ.แจ้ห่ม อ.แม่เมาะ และ อ.เถิน ตามลำดับ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในเขตป่าสงวนแห่งชาติ รองลงมา เป็นเขตป่าอนุรักษ์ ทำให้หน่วยงานดับไฟป่าในแต่ละพื้นที่ใน จ.ลำปาง ได้เร่งออกตรวจสอบ และดับไฟป่า



          ปัญหาฝุ่นหมอกควัน ค่า PM 2.5 ยังเกินค่ามาตรฐานทั้ง 4 สถานีตรวจวัดใน อ.เมือง และ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 55-73 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบอัตโมมัติของกรมควบคุมมลพิษ ได้รายงานค่าสูงสุดใน จ.ลำปาง วัดได้ที่ ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง ซึ่งเป็นเขตตัวเมือง วัดได้ 73 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร , ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ 61 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร , ต.บ้านดง และ ต.สบป้าด วัดได้เท่ากัน 55 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทำให้สภาพทั่วไปบนท้องถนนในเมืองลำปางยังคงมองเห็นฝุ่นควันที่เทาคละคลุ้งชัดเจน

          ส่วนสถานการณ์คุณภาพอากาศ พื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล คุณภาพอากาศอยู่ในระดับ คุณภาพดีมากถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ สารมลพิษทางอากาศที่ตรวจพบเกินมาตรฐาน ได้แก่  ฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ตรวจพบค่าระหว่าง 17 - 58 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m3) เกินมาตรฐานที่บริเวณเขตห้วยขวาง จ.กรุงเทพฯ




สธ.ปรับรูปแบบเหลือ1 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด คือ สมุทรสาคร  



          นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เปิดเผย ผลการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจ ที่มีการหารือเพื่อคัดกรองมาตรการต่างๆที่สำคัญก่อนที่จะนำเสนอให้ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ พิจารณาในวันศุกร์ที่ 29 ม.ค.64



1.เสนอแผนแนวปฎิบัติต่างๆ  รวมทั้ง หารือข้อเสนอให้มีการขยายระยะเวลานั่งในร้านอาหาร และการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์



2.การเตรียมเปิดการเรียนการสอน



-กระทรวงสาธารณสุข เสนอรูปแบบแบบเดิมในการควบคุมการติดเชื้อ เช่น การกำหนดรูปแบบของจังหวัดตามการติดเชื้อ เช่น จังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก เป็นจังหวัดที่มีการควบคุมและเข้มงวด       



-ส่วนจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อน้อยลง หรือ ไม่พบผู้ติดเชื้อเลย จะต้องผ่อนคลาย พิจารณาแยกเป็นรายอำเภอ เพื่อความคล่องตัวในการบริหารจัดการ เช่น จ.สมุทรสาคร เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด มี 3อำเภอ มีการค้นหาที่มีความแตกต่างกัน พบว่า อ.เมือง เป็นพื้นที่ที่พบผู้ติดเชื้อจำนวนมากที่สุด  



-ที่ประชุมได้กำหนดแนวทางเรื่องการแบ่งพื้นที่จังหวัดในรูปแบบใหม่ เพื่อที่จะได้ดำเนินมาตรการต่างๆ




           เบื้องต้น คณะกรรมการเฉพาะกิจฯ ปรับลดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จากเดิมที่มี 5 จังหวัด เหลือเพียงจังหวัดสมุทรสาคร เนื่องจากยังมีการพบผู้ติดเชื้อต่อเนื่อง จากการตรวจค้นหาเชิงรุก  ดังนั้น กิจการหรือกิจกรรมใดที่มีคำสั่งให้ปิดหรือห้ามจัด ก็ยังคงคำสั่งเดิมต่อไป พื้นที่ควบคุมสูงสุด จากเดิมมี 23 จังหวัด ปรับลดเหลือ 4 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี พื้นที่ควบคุม จากเดิมมี 11 จังหวัด ปรับเป็น 20 จังหวัด เนื่องจากจังหวัดที่เคยเป็นพื้นที่สีแดง ไม่พบผู้ติดเชื้อใหม่ และมีแนวโน้มดีขึ้น จึงปรับจากพื้นที่สีแดงมาเป็นพื้นที่สีส้ม  ขณะที่พื้นที่เฝ้าระวังสูง หรือพื้นที่สีเหลือง มีการปรับลดลงเหลือ 17 จังหวัด เนื่องจากมีจังหวัดสถานการณ์ดีขึ้นและย้ายให้ไปเป็นพื้นที่สีเขียว หรือพื้นที่เฝ้าระวัง ที่มี 35 จังหวัด 




ชายไทยวัย 56 ปี ผู้ป่วยติดเตียง เสียชีวิตติดเชื้อโควิด-19



สถานการณ์ผู้ติดเชื้อวันที่ 27 ม.ค.64



1.ผู้ป่วยรายใหม่ 819 คน




- ผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ  92 คน 



- ผู้ป่วยจากการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน  716 คน ส่วนใหญ่จากการค้นหาในโรงงานที่จังหวัดสมุทรสาคร 



-ผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศและกักตัวในสถานกักกัน 11  คน



2.ผู้ป่วยหายดีกลับบ้านได้แล้วรวม 11,054 คน   



3.ผู้เสียชีวิต 1 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 76 ราย



สำหรับผู้เสียชีวิตรายล่าสุด เป็นชายไทย อายุ 56 ปี มีโรคประจำตัว คือ โรคหลอดเลือดสมองตีบ เป็นผู้ป่วยติดเตียง มีไทม์ไลน์อาการป่วยดังนี้ 



-วันที่ 22 ม.ค.64  มีอาการเหนื่อยหอบ มีเสมหะ จึงไปพบแพทย์ที่ รพ.กระทุ่มแบน แพทย์ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ และส่งตรวจหาเชื้อโควิด-19 รวมทั้งเข้ารักษาในห้องแยกความดันลบ



-วันที่ 23 ม.ค.64 ผลตรวจพบว่าติดเชื้อ



-วันที่ 25 ม.ค.64 อาการไม่ดีขึ้น มีเสมหะมาก และเสียชีวิตในเวลา 22.00 น. 



กทม.เปิดTimelineคนติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 15 คน พบนักร้อง-จนท.รัฐ ร่วมงานโรงเรียนดังไม่ให้ข้อมูล



          กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดTimeline ผู้ติดเชื้อที่อยู่ในกทม. ซึ่งได้สอบสวนโรคแล้วเสร็จเพิ่มอีก 15 คน จากเดิมที่ได้เปิดไปแล้ว 643 คน ที่น่าสนใจ พบว่า ผู้ติดเชื้อไม่ให้ข้อมูลทั้งหมดบางระยะเวลา คือ 



-รายที่ 647  เป็นผู้ป่วยชาย อาชีพนักร้อง นักแสดง พบว่า



-วันที่ 8 ม.ค. 64 ช่วงกลางคืนไปงานเลี้ยงที่ โรงแรมบันยันทรี เขตสาทร 



-วันที่ 9 ม.ค. 64 เวลา 09.00น.ไปโรงแรมบันยันทรี เขตสาทร รับประทานอาหารกับเพื่อนชั้นดาดฟ้า



-วันที่10-13 ม.ค. 64 ตลอดทั้งวันอาศัยอยู่ที่พัก แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง



-วันที่12 ม.ค.64 ตลอดทั้งวัน มีอากาศปวดศีรษะ ไข้ ไอเจ็บคอ มีเสมหะ มีน้ำมูก จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส



-วันที่ 14-20 ม.ค.64 ผู้ป่วยไม่ให้ข้อมูล



-วันที่ 21 ม.ค. 64 ตลอดทั้งวัน ทราบว่า เพื่อนที่ร่วมงานเลี้ยงวันที่ 8 ม.ค. 64 ติดเชื้อโควิด-19 จึงไปตรวจหาเชื้อที่รพ.



-วันที่ 22 ม.ค. 64 พบว่า ติดเชื้อ และเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล



นอกจากนั้น ยังพบว่า มีผู้ป่วยหลายรายที่ไม่ให้ข้อมูล 



- รายที่ 657 ผู้ป่วยชาย อาชีพ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บอกเพียงว่า 17-21 ม.ค.64 อยู่ที่พัก และไม่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม จนวันที่ 22 ม.ค.64 ทราบว่า เพื่อนร่วมงานติดเชื้อ จึงไปตรวจหาเชื้อ แบบ Drive Thru และพบว่าติดเชื้อ จึงเข้ารับการรักษาที่รพ.



- รายที่ 658 ผู้ป่วยชาย  อาชีพ เจ้าหน้าที่ของรัฐ มีประวัติไปร่วมงานวันเกิดที่ โรงแรมบันยันทรี  ไม่ได้ให้ข้อมูลใดๆทั้งสิ้น ทั้งๆที่มีอาการไอ มีเสมหะ ในวันที่ 13 ม.ค.64 จากนั้นในวันที่ 22 ม.ค.64พบว่า เพื่อนที่ไปร่วมงานวันที่ 9 ม.ค.64 ติดเชื้อ จึงไปตรวจหาเชื้อที่รพ. และทราบผลการตรวจหาเชื้อ จึงเข้ารักษาที่ รพ. 



          สำหรับรายงานสรุปการสอบสวนโรคผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของ กทม. จากการสอบสวนโรคผู้ติดเชื้อตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค. 63 - 26 ม.ค. 64 รวม 721 คน แบ่งเป็นมาจากต่างจังหวัดที่ Admit รพ.ในพื้นที่ กทม.153 คน และเป็นคนที่อยู่ในพื้นที่ กทม. 568 คน



          ส่วนการติดเชื้อในประเทศ ส่วนใหญ่มาจากการสัมผัสผู้ป่วยยืนยันที่เป็นคนในครอบครัวหรือจากคนในที่ทำงาน การไปสถานบันเทิง/สถานที่ชุมชน และการตรวจเชิงรุกในตลาดและชุมชน



รวบผู้ต้องหาทุจริตโครงการเราเที่ยวด้วยกัน 50 คน



         พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  เปิดเผยว่า ช่วงเช้าวันนี้  (27 ม.ค.64) ตำรวจกองบังคับการปราบปราม,ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.)  และกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (บช.ทท.)  สนธิกำลังเปิดปฎิบัติการกวาดล้างจับกุมผู้กระทำผิด ทุจริตโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โดยกระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 55 จุด ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ และจังหวัดภูเก็ต 14 จุด  สามารถจับกุมผู้กระทำผิด ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่อยู่ในขบวนการที่จังหวัดชัยภูมิได้  36 คน  และที่จังหวัดภูเก็ต จับกุมผู้กระทำผิดได้ 14 คน  รวมผู้กระทำผิดที่ถูกจับกุมทั้งหมด 50 คน 



         พล.ต.อ.สุวัฒน์ เปิดเผยว่า ที่จังหวัดชัยภูมิ ผู้ต้องหาทำเป็นขบวนการ โดยจะมีผู้ซื้อสิทธิ  ตามหาซื้อสิทธิในโครงการ  ให้ค่าตอบแทนรายละ 400-500 บาท เมื่อประชาชนขายสิทธิให้แล้ว ผู้ซื้อสิทธิจะให้เจ้าของสิทธิติดตั้งแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” จากนั้นผู้ซื้อสิทธิจะนำเอาโทรศัพท์ของเจ้าของสิทธิไปดำเนินการจองโรงแรม และใช้คูปอง อีกวิธีหนึ่ง คือ จะนำเอาข้อมูลบัตรประชาชนและซิมการ์ดที่ลงทะเบียนแล้วไปขายต่อให้กับผู้สวมสิทธิ โดยจะขายให้ผู้สวมสิทธิในราคา 800-1,000 บาท เมื่อผู้สวมสิทธิได้รับสิทธิจากโครงการแล้ว จะว่าจ้างให้ผู้ร่วมขบวนการ กรอกข้อมูลเพื่อจองห้องพักกับทางโรงแรม โดยจะมีกลุ่มที่รับจ้างเปิดบัญชีธนาคารอีกกลุ่มหนึ่ง ที่คอยทำธุรกรรมทางการเงินแทนเจ้าของสิทธิ ซึ่งหลังจากที่ผู้สวมสิทธิทำการเช็คอินตามห้องพักที่ได้จองไว้ ทางผู้สวมสิทธิจะนำคูปองที่ได้รับหลังจากเช็คอินไปใช้จ่ายกับร้านค้าที่ตนเองควบคุม



          ส่วนที่จังหวัดภูเก็ต พบพฤติกรรมการทุจริตที่แตกต่างออกไป โรงแรมจะร่วมมือกับผู้จัดทัวร์ เชิญชวนว่าหากประชาชนจองห้องพักเต็มสิทธิ จะให้เข้าร่วมกิจกรรมทัวร์  3 วัน 2 คืน โดยไม่มีการเข้าพักโรงแรมจริง นอกจากนี้ ผู้จัดทัวร์กิจกรรมยังให้ประชาชนชำระค่าบริการในการทำกิจกรรม โดยให้สแกนคูปองที่ได้รับหลังจากการเช็คอินห้องพัก มาสเเกนใช้จ่ายกับร้านค้าที่ตนเองควบคุมไว้ 



         ผู้ต้องหาทั้งหมดจะต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง, ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น , ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน และ ข้อหาร่วมกันนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์  รวมทั้งยังจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งจะประสานไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ดำเนินคดีในความผิดฐานฟอกเงินด้วย  ส่วนประชาชนที่ร่วมขบวนการทุจริต ขณะนี้กำลังเร่งสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินคดีเช่นกัน  ขณะที่ในพื้นที่จังหวัดอื่น ก็อยู่ระหว่างการสืบสวน 



          ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เตือนว่า ใครที่คิดจะกระทำผิดทุจริตในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ก็ขอให้หยุด เพราะสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจของประเทศ   



ตร.เตรียมออกหมายจับคนร้ายชิงเงินแบงก์กรุงไทย



          การติดตามคนร้ายชิงเงินธนาคารกรุงไทย ในห้างเดอะมอลล์ บางกะปิ ได้เงินไปประมาณ 600,000 บาทพล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า ล่าสุดสอบปากคำพยานไปแล้วเกือบ 10 ปาก ยืนยันว่า คนร้ายอายุประมาณ 30 ปี ส่วนเบาะแสเส้นทางหลบหนีของคนร้าย หลังจากที่ไล่ตรวจสอบภาพวงจรปิด พบว่าใช้บันไดหนีไฟเป็นเส้นทางหลบหนี ก่อนจะไปข้ามสะพานลอยที่เชื่อมไปยังห้างที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน และนั่งรถแท็กซี่คันหนึ่งหลบหนีไป ซึ่งฝ่ายสืบสวนกำลังเร่งตรวจสอบว่าได้ไปลงในพื้นที่ใด รวมถึงจะเรียกคนขับรถแท็กซี่มาสอบสวนปากคำ เพื่อหาเบาะแสในการสืบสวนจับกุมต่อไป



          มีรายงานว่าตำรวจได้เตรียมออกหมายจับคนร้ายแล้ว หลังจากพบหลักฐานสำคัญ รวมทั้งเบาะแสที่ได้รับแจ้งเข้ามาจำนวนมาก เพียงพอที่จะขอศาลอนุมัติออกหมายจับได้ ซึ่งคดีมีความคืบหน้าไปมาก คาดว่าจะได้ตัวคนร้ายเร็วๆนี้ ทั้งนี้ได้กำชับให้ตำรวจระมัดระวังในการเข้าจับกุมคนร้ายรายนี้ เนื่องจากมีอาวุธปืน



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X