นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.เปิดเผยว่า ช่วงเช้ามีการประชุมของคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก่อนจะนำข้อเสนอจากการประชุมของคณะกรรมการเฉพาะกิจฯ เข้าที่ประชุม ศบค.ใหญ่ในวันศุกร์นี้ เพื่อพิจารณาเห็นชอบ ซึ่งการมีส่วนร่วมของประชาชนยังถือว่ามีความจำเป็นและมีความสำคัญมาก ในการจะพิจารณาผ่อนคลายเปิดกิจการ กิจกรรมและมาตรการควบคุมโรคใดๆ
สำหรับรายละเอียดการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจฯ เบื้องต้น คือ มีข้อเสนอการปรับพื้นที่ที่ประกาศใช้มาตรการควบคุมแบบบูรณาการ โดยยังแบ่งพื้นที่เป็นระดับต่างๆ เช่นเดิม คือ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด - พื้นที่ควบคุมสูงสุด - พื้นที่ควบคุม - พื้นที่เฝ้าระวังสูง- พื้นที่เฝ้าระวัง โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละแห่ง พิจารณาปรับลดหรือเพิ่มความเข้มข้นของมาตรการตามความเหมาะสมกับสถานการณ์และข้อมูลการแพร่ระบาด อาจจะปรับตามรายอำเภอได้ หากแต่ละอำเภอมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดไม่เท่ากัน โดยเกณฑ์ที่จะใช้พิจารณาปรับพื้นที่จังหวัด จะใช้ข้อมูลดังนี้
- สถานการณ์การระบาดของโรคในจังหวัดนั้น ว่าในราย 7 วัน , 14 วัน , 28 วัน มีสัดส่วนผู้ติดเชื้ออย่างไร
- มีแหล่งโรคที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดหรือไม่ เช่น สถานบันเทิง บ่อน สนามชนไก่
- เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการลักลอบเดินทางเข้าประเทศ หรือเข้าพื้นที่ชั้นในของประเทศหรือไม่
- มีมาตรการเฝ้าระวังเชิงรุกในชุมชน สถานประกอบการอย่างไร และพบสัดส่วนผู้ติดเชื้อน้อย
เบื้องต้น คณะกรรมการเฉพาะกิจฯ ปรับลดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จากเดิมที่มี 5 จังหวัด เหลือเพียงจังหวัดสมุทรสาคร เนื่องจากยังมีการพบผู้ติดเชื้อต่อเนื่อง จากการตรวจค้นหาเชิงรุก ดังนั้น กิจการหรือกิจกรรมใดที่มีคำสั่งให้ปิดหรือห้ามจัด ก็ยังคงคำสั่งเดิมต่อไป
พื้นที่ควบคุมสูงสุด จากเดิมมี 23 จังหวัด ปรับลดเหลือ 4 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี
พื้นที่ควบคุม จากเดิมมี 11 จังหวัด ปรับเป็น 20 จังหวัด เนื่องจากจังหวัดที่เคยเป็นพื้นที่สีแดง ไม่พบผู้ติดเชื้อใหม่ และมีแนวโน้มดีขึ้น จึงปรับจากพื้นที่สีแดงมาเป็นพื้นที่สีส้ม ขณะที่พื้นที่เฝ้าระวังสูง หรือพื้นที่สีเหลือง มีการปรับลดลงเหลือ 17 จังหวัด เนื่องจากมีจังหวัดสถานการณ์ดีขึ้นและย้ายให้ไปเป็นพื้นที่สีเขียว หรือพื้นที่เฝ้าระวัง ที่มี 35 จังหวัด
ส่วนการจะผ่อนคลายเรื่องของการรับประทานอาหารในร้าน การเปิดสถานบันเทิง ผับบาร์ โรงเรียน และการผ่อนคลายกิจกรรมต่างๆ นั้น นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและมีผลกระทบกับประชาชน ดังนั้นต้องพึ่งนักวิชาการและวิธีการที่หลากหลายในการตัดสินใจ ประกอบกับชุดข้อมูลสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างละเอียด แต่เนื่องจากความต้องการหลากหลายของกิจการหรือกิจกรรม จึงอาจมีการลักลั่นในบางพื้นที่บ้าง ซึ่งที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่จะพิจารณาทั้งหมดในการประชุมวันศุกร์นี้ แต่ที่สำคัญ คือ ต้องควบคุมเชื้อโรคให้ได้ การใช้ชีวิตวิถีใหม่ยังจำเป็น และต้องทำความสะอาดมากที่สุด ถึงจะทำให้สามารถเปิดเมือง เปิดจังหวัด เปิดประเทศได้