พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ช่วงเช้าวันนี้ (27 ม.ค.64) ตำรวจกองบังคับการปราบปราม , ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) และกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (บช.ทท.) สนธิกำลังเปิดปฎิบัติการกวาดล้างจับกุมผู้กระทำผิด ทุจริตโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โดยกระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 55 จุด ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ และจังหวัดภูเก็ต 14 จุด สามารถจับกุมผู้กระทำผิด ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่อยู่ในขบวนการที่จังหวัดชัยภูมิได้ 36 คน และที่จังหวัดภูเก็ตจับกุมผู้กระทำผิดได้ 14 คน รวมผู้กระทำผิดที่ถูกจับกุมทั้งหมด 50 คน
พล.ต.อ.สุวัฒน์ เปิดเผยว่า ที่จังหวัดชัยภูมิผู้ต้องหาทำเป็นขบวนการ โดยจะมีผู้ซื้อสิทธิ ตามหาซื้อสิทธิในโครงการ ให้ค่าตอบแทนรายละ 400-500 บาท เมื่อประชาชนขายสิทธิให้แล้ว ผู้ซื้อสิทธิจะให้เจ้าของสิทธิติดตั้งแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” จากนั้นผู้ซื้อสิทธิจะนำเอาโทรศัพท์ของเจ้าของสิทธิไปดำเนินการจองโรงแรม และใช้คูปอง อีกวิธีหนึ่งคือ จะนำเอาข้อมูลบัตรประชาชนและซิมการ์ดที่ลงทะเบียนแล้วไปขายต่อให้กับผู้สวมสิทธิ โดยจะขายให้ผู้สวมสิทธิในราคา 800-1,000 บาท เมื่อผู้สวมสิทธิได้รับสิทธิจากโครงการแล้ว จะว่าจ้างให้ผู้ร่วมขบวนการ กรอกข้อมูลเพื่อจองห้องพักกับทางโรงแรม โดยจะมีกลุ่มที่รับจ้างเปิดบัญชีธนาคารอีกกลุ่มหนึ่ง ที่คอยทำธุรกรรมทางการเงินแทนเจ้าของสิทธิ ซึ่งหลังจากที่ผู้สวมสิทธิทำการเช็คอินตามห้องพักที่ได้จองไว้ ทางผู้สวมสิทธิจะนำคูปองที่ได้รับหลังจากเช็คอินไปใช้จ่ายกับร้านค้าที่ตนเองควบคุม
ส่วนที่จังหวัดภูเก็ต พบพฤติกรรมการทุจริตที่แตกต่างออกไป โดยโรงแรมจะร่วมมือกับผู้จัดทัวร์ เชิญชวนว่าหากประชาชนจองห้องพักเต็มสิทธิ จะให้เข้าร่วมกิจกรรมทัวร์ 3 วัน 2 คืน โดยไม่มีการเข้าพักโรงแรมจริง นอกจากนี้ผู้จัดทัวร์กิจกรรมยังให้ประชาชนชำระค่าบริการในการทำกิจกรรม โดยให้สแกนคูปองที่ได้รับหลังจากการเช็คอินห้องพัก มาสเเกนใช้จ่ายกับร้านค้าที่ตนเองควบคุมไว้
ผู้ต้องหาทั้งหมดจะต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง, ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น , ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน และ ข้อหาร่วมกันนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ รวมทั้งยังจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งจะประสานไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ดำเนินคดีในความผิดฐานฟอกเงินด้วย ส่วนประชาชนที่ร่วมขบวนการทุจริต ขณะนี้กำลังเร่งสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินคดีเช่นกัน ขณะที่ในพื้นที่จังหวัดอื่น ก็อยู่ระหว่างการสืบสวน
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เตือนว่า ใครที่คิดจะกระทำผิดทุจริตในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ก็ขอให้หยุด เพราะสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจของประเทศ