รวบผู้ต้องหาทุจริตโครงการเราเที่ยวด้วยกัน 50 ราย

27 มกราคม 2564, 12:17น.


          พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  เปิดเผยว่า ช่วงเช้าวันนี้  (27 ม.ค.64) ตำรวจกองบังคับการปราบปราม , ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.)  และกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (บช.ทท.)  สนธิกำลังเปิดปฎิบัติการกวาดล้างจับกุมผู้กระทำผิด ทุจริตโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โดยกระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 55 จุด  ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ และจังหวัดภูเก็ต 14 จุด  สามารถจับกุมผู้กระทำผิด ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่อยู่ในขบวนการที่จังหวัดชัยภูมิได้  36 คน  และที่จังหวัดภูเก็ตจับกุมผู้กระทำผิดได้ 14 คน   รวมผู้กระทำผิดที่ถูกจับกุมทั้งหมด 50 คน 


          พล.ต.อ.สุวัฒน์ เปิดเผยว่า ที่จังหวัดชัยภูมิผู้ต้องหาทำเป็นขบวนการ โดยจะมีผู้ซื้อสิทธิ  ตามหาซื้อสิทธิในโครงการ  ให้ค่าตอบแทนรายละ 400-500 บาท เมื่อประชาชนขายสิทธิให้แล้ว ผู้ซื้อสิทธิจะให้เจ้าของสิทธิติดตั้งแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง”    จากนั้นผู้ซื้อสิทธิจะนำเอาโทรศัพท์ของเจ้าของสิทธิไปดำเนินการจองโรงแรม และใช้คูปอง อีกวิธีหนึ่งคือ จะนำเอาข้อมูลบัตรประชาชนและซิมการ์ดที่ลงทะเบียนแล้วไปขายต่อให้กับผู้สวมสิทธิ โดยจะขายให้ผู้สวมสิทธิในราคา 800-1,000 บาท เมื่อผู้สวมสิทธิได้รับสิทธิจากโครงการแล้ว จะว่าจ้างให้ผู้ร่วมขบวนการ กรอกข้อมูลเพื่อจองห้องพักกับทางโรงแรม โดยจะมีกลุ่มที่รับจ้างเปิดบัญชีธนาคารอีกกลุ่มหนึ่ง ที่คอยทำธุรกรรมทางการเงินแทนเจ้าของสิทธิ  ซึ่งหลังจากที่ผู้สวมสิทธิทำการเช็คอินตามห้องพักที่ได้จองไว้ ทางผู้สวมสิทธิจะนำคูปองที่ได้รับหลังจากเช็คอินไปใช้จ่ายกับร้านค้าที่ตนเองควบคุม


          ส่วนที่จังหวัดภูเก็ต พบพฤติกรรมการทุจริตที่แตกต่างออกไป โดยโรงแรมจะร่วมมือกับผู้จัดทัวร์  เชิญชวนว่าหากประชาชนจองห้องพักเต็มสิทธิ จะให้เข้าร่วมกิจกรรมทัวร์  3 วัน 2 คืน โดยไม่มีการเข้าพักโรงแรมจริง นอกจากนี้ผู้จัดทัวร์กิจกรรมยังให้ประชาชนชำระค่าบริการในการทำกิจกรรม โดยให้สแกนคูปองที่ได้รับหลังจากการเช็คอินห้องพัก มาสเเกนใช้จ่ายกับร้านค้าที่ตนเองควบคุมไว้ 


 




 


          ผู้ต้องหาทั้งหมดจะต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง, ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น , ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน และ ข้อหาร่วมกันนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์  รวมทั้งยังจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งจะประสานไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ดำเนินคดีในความผิดฐานฟอกเงินด้วย  ส่วนประชาชนที่ร่วมขบวนการทุจริต ขณะนี้กำลังเร่งสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินคดีเช่นกัน  ขณะที่ในพื้นที่จังหวัดอื่น ก็อยู่ระหว่างการสืบสวน 


          ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เตือนว่า ใครที่คิดจะกระทำผิดทุจริตในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ก็ขอให้หยุด เพราะสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจของประเทศ  
ข่าวทั้งหมด

X