คดีการฉ้อโกงเงิน ของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณ ทหารลาดกระบัง (สจล.) พันตำรวจเอกณษ เศวตรเลข รองผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบเงินของสจล.หายไปทั้งสิ้น 1,474 ล้านบาท จากบัญชีเงินฝาก 5 บัญชี จึงแยกการทำสำนวนออกเป็น 5 สำนวน ซึ่งพนักงานสอบสวนเตรียมออกหมายเรียกผู้ที่ได้รับโอนเงินจากบัญชีของสจล.รวม 26 คน มาพบพนักงานสอบสวน ตั้งแต่วันที่ 19-27 ม.ค. ในจำนวนนี้มีแม่และร้องสาวของนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหารายสำคัญ รวมอยู่ด้วย ส่วนการติดตามตัวนายกิตติศักดิ์ ที่มีข่าวจะเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อวานนี้ ตรวจสอบจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแล้วยังไม่พบการเดินทางเข้าประเทศ
ขณะที่การสอบปากคำนายสุกฤษฎ์ เขียวนันใจ กรรมการบริหารของสตรีทผับ แอนด์ เรสเตอรองค์ สถานบันเทิงของนายกิตติศักดิ์ที่จังหวัดสมุทรปราการเมื่อวานนี้ พบว่านายกิิตติศักดิ์โอนเงินให้นายสุกฤษฎ์เป็นค่าก่อสร้างสตรีทผับ กว่า 100 ล้านบาท ซึ่งสร้างและเปิดบริการกลางปีพ.ศ.2557 ซึ่งตรงกับช่วงที่มีการตรวจสอบเงินของสจล.ที่หายไป และนายสุกฤษฎ์ยอมรับว่า นายกิตติศักดิ์เคยสั่งให้ตัวเองโอนเงินจำนวน 8 ล้านบาทไปให้นายภาดา บัวขาว ส่วนบริษัท มัทธุจัดจำกัด ที่เปิดเป็นไฟแนนซ์รถยนต์นั้น ก็มีมูลค่าของรถที่นำมาเข้าไฟแนนซ์สูงถึงกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งตำรวจจะเรียกพนักงานของบริษัทมัทธุจัด เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง
ด้านพันตำรวจเอกกรไชย คล้ายคลึง รองผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยว่า จากการสืบสวนพบว่ามีการช่วยเหลือในการโกงเงิน จาก มีผู้มีอำนาจในสจล.ที่มีอำนาจในการสั่งการในสจล. ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่อสาวไปให้ถึงตัวของผู้มีอำนาจ ซึ่งผู้ต้องหาที่จับกุมได้ก่อนหน้านี้ให้ปากคำซัดทอดว่ามีคน ให้ความช่วยเหลือจริง โดยเชื่อว่าอาจมีจำนวน 1-2 คน และน่าจะมีนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหาที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศ เป็นคนประสานงานกับผู้มีอำนาจดังกล่าวโดยตรง ก่อนจะกระจายเงินไปยังเครือข่ายต่างๆ ผ่านทางบัญชี
ส่วนการติดตามตัว นายธวัชชัย ยิ้มเจริญ และนายสมพงษ์ สหพรอุดมการ ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับนั้น ทั้งสองคนยังหลบหนีอยู่ภายในประเทศ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงวางกำลังเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด
สานนท์/ผสข.