นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ และประธานชมรมเชื้อราทางการแพทย์ประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเพจ หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC ระบุว่า เคยเขียนไว้ตั้งแต่เดือนส.ค.63ว่าประเทศไทยจะเจอโรคโควิด-19 ระบาดรอบที่สอง เชื้อไวรัสจะกลายพันธุ์ ทำให้ติดต่อกันง่ายขึ้น และก่อโรครุนแรงขึ้น ก่อนหน้านี้นักไวรัสวิทยาเชื่อว่าเชื้อกลายพันธุ์ไม่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงของโรค ล่าสุดมีรายงานเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ในประเทศอังกฤษ สายพันธุ์ “B.1.1.7” พบแล้วในหลายสิบประเทศ ไม่เพียงแต่ติดต่อกันได้ง่ายขึ้นกว่าเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดิมก่อนหน้านี้ถึง 70% เท่านั้น ยังเพิ่มความรุนแรง และเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากขึ้นด้วย
ผลการศึกษา ชี้ว่า สายพันธุ์ใหม่ทำให้ผู้ติดเชื้อป่วยหนัก-เสียชีวิตมากขึ้น หากผู้ป่วยชายในวัย 60 ปีขึ้นไปได้รับเชื้อสายพันธุ์เดิม อัตราการเสียชีวิตจะอยู่ที่ราว 10 คนจาก 1,000 คนที่ติดเชื้อ แต่หากเป็นเชื้อกลายพันธุ์อัตราการเสียชีวิตจะอยู่ที่ราว 13-14 คน เพิ่มขึ้น 30-40%
เชื้อสายพันธุ์ใหม่เป็นเชื้อที่ฟิต แข็งแรง แบ่งตัวเพิ่มจำนวนในทางเดินหายใจส่วนบนและส่วนล่างมากกว่าเดิม ถ้าวัดปริมาณเชื้อจะพบจำนวนเชื้อ (viral load) มากกว่าสายพันธุ์เดิม คนติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่จึงแพร่กระจายเชื้อให้คนอื่นง่ายขึ้น เชื้อสายพันธุ์ใหม่เกาะตัวรับของเซลล์ในทางเดินหายใจและผ่านเข้าสู่เซลล์ได้ดีกว่าสายพันธุ์เดิม ฆ่าเซลล์ของระบบทางเดินหายใจได้มากขึ้นทำให้โรครุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต
เชื้อสายพันธุ์ B.1.1.7 ยังไม่มีรายงานในประเทศไทย เชื่อว่าอีกไม่นานเชื้อกลายพันธุ์นี้ก็จะแทนที่เชื้อสายพันธุ์เดิมทั่วโลก ต่อให้มีวัคซีนในส่วนตัวเชื่อว่า โรคไวรัสโควิด-19 จะอยู่กับเราต่อไปเป็นโรคประจำถิ่นเหมือนโรคไข้หวัดใหญ่
วัคซีนที่ผลิตขึ้นใช้เวลาศึกษาอย่างน้อย 9 เดือนก่อนจะออกมาใช้ เป็นวัคซีนที่ใช้ต้นแบบของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดิมเมื่อเดือนม.ค.63 เราไม่ทราบว่าวัคซีนนี้สามารถป้องกันเชื้อกลายพันธุ์ปัจจุบันของประเทศอังกฤษ และสายพันธุ์ใหม่ของประเทศอเมริกาใต้ 501.V2 ได้ดีหรือไม่
สำหรับประเทศไทยเนื่องจากปีนี้เรามีวัคซีนไม่เพียงพอ ขอเสนอว่า ถ้าเป็นไปได้คนไทยส่วนใหญ่รวมทั้งแรงงานต่างชาติ (ยกเว้นเด็กและหญิงตั้งครรภ์) ฉีดวัคซีนโควิด-19 เพียงเข็มเดียวก็พอ แล้วรอวัคซีนโควิด-19 ปีหน้าซึ่งคงจะเป็นวัคซีนที่ผลิตขึ้นสำหรับสายพันธุ์ใหม่ของปีนี้ เหมือนกับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ต้องฉีดทุกปีปีละ 1 เข็ม
CR:เฟซบุ๊ก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC