ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันจันทร์ที่ 25 มกราคม 2564
เชิงรุก โควิด-19 สมุทรสาคร พบผู้ติดเชื้อวันเดียว 914 คน
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร รายงานสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ ณ เวลา 17.00 น. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 914 คน เป็นการค้นหาเชิงรุก 844 คน แบ่งเป็นคนไทย 84 คน ต่างด้าว 760 คน และในโรงพยาบาลอีก 70 คน แบ่งเป็น คนไทย 35 คน ต่างด้าว 35 คน รวมยอดสะสม 6,555 คน โดยตัวเลขที่พุ่งสูงขึ้นขนาดนี้ มาจากการค้นหาเชิงรุกโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีพนักงานมากกว่า 1,000 คน
ก่อนหน้านี้ ในระหว่างการแถลงสถานการณ์โควิด-19ประจำวัน พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) คาดว่า ในวันนี้ จะพบผู้ติดเชื้อถึง 800 คน ในจ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นตัวเลขที่ได้จากการระดมทีมลงไปตรวจค้นหาเชิงรุกในพื้นที่ชุมชนของสมุทรสาคร ซึ่งมีเป้าหมายว่าในช่วงวันที่ 25-31 ม.ค.นี้ จะต้องทำการค้นหาเชิงรุกให้ได้วันละ 10,000 คน ทำให้มีโอกาสพบผู้ติดเชื้อในแต่ละวันในจำนวนที่สูง
ตั้งแต่วันที่ 25-31 ม.ค. จะเห็นการระดมกำลังลงไปในพื้นที่ ซึ่งจะเป็นการค้นหาเชิงรุก โดยจะขอกำลังจากแพทย์ทหารมาร่วมด้วย ซึ่งจะทำให้ได้วันละ 1 หมื่นคน ในการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่วันละหลายร้อยรายในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ถือว่ายังเป็นไปตามแผนที่ประเมินไว้ ซึ่งทุกฝ่ายยืนยันว่ายังสามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ได้
สำหรับความพร้อมรองรับผู้ป่วยที่มากขึ้นใน จ.สมุทรสาคร พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ได้เตรียมมาตรการรองรับไว้ ในส่วนของทีมแพทย์และ รพ.ทั่วไป สำหรับในรายของผู้ป่วยที่มีอาการมาก แต่หากอาการไม่รุนแรงจะให้อยู่ที่ รพ.สนาม ซึ่งในปัจจุบันเปิดใช้แล้ว 1,091 เตียง พรุ่งนี้ (26 ม.ค.) จะเปิดเพิ่มอีก 400 เตียง,วันศุกร์ (29 ธ.ค.) เปิดเพิ่มอีก 1,000 เตียงซึ่งเป็นส่วนที่ได้รับความช่วยเหลือจากนายกองค์การบริหารส่วนตำบลพันท้ายนรสิงห์ รวมทั้งจะมีผู้ประกอบการ ภาคธุรกิจเอกชน ให้ใช้พื้นที่โรงงานเป็น รพ.สนามอีก 2,000 เตียง ซึ่งรวมทั้งหมดแล้วภายในสัปดาห์นี้ จ.สมุทรสาคร จะมี รพ.สนามที่รองรับผู้ป่วยได้มากถึง 3,000 เตียง
นายอภิสิทธิ์ เตชะนิธิสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร นายชาธิป ตั้งกุลไพศาล รองประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรสาคร ร่วมแถลงข่าวโครงการ “รวมใจรักษ์สมุทรสาคร” เพื่อผลักดันให้สถานประกอบการในอำเภอบ้านแพ้ว และกระทุ่มแบนร่วมกับโรงพยาบาลในพื้นที่ตรวจหาเชื้อโควิด 19 ในน้ำลาย คือตรวจน้ำลายของกลุ่มแรงงาน โดยตรวจทีละ 5 คน ถ้าผลการตรวจออกเป็นบวกแสดงว่า ติดเชื้อจะต้องตรวจหารายบุคคลซ้ำอีกครั้ง แต่ถ้าผลเป็นลบก็ไม่ต้องตรวจซ้ำ
ซึ่งวิธีการตรวจดังกล่าวได้ผลแม่นยำ มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับวิธีการตรวจจากสารคัดหลั่งหลังจากจมูกและคอหรือวิธีการตรวจหาสารพันธุกรรม (RT-PCR) ซึ่งวิธีการตรวจหาเชื้อในน้ำลายนี้ ได้รับการยอมรับในหลายประเทศ เพราะว่าประหยัดค่าใช้จ่าย และเวลา เก็บตัวอย่างง่ายกว่า สามารถเก็บได้ด้วยตัวเอง ทำให้บุคลากรปลอดภัยมากขึ้น ไม่ต้องใช้หรือลดการใช้ชุดป้องกัน PPE ภายในสัปดาห์นี้คาดว่าจะตรวจแรงงานในสถานประกอบการได้ประมาณ 3 หมื่นคน
หมอประสิทธิ์ เผยอาการ 'ผู้ว่าฯสมุทรสาคร' ปอดอักเสบ ปรับยารักษาตัวใหม่ –ลดพังผืด
อาการป่วยโควิด-19 ของนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เปิดเผยอาการล่าสุดว่า ขณะนี้ ยังใส่ท่อช่วยหายใจตลอดเวลา เนื่องจากมีปัญหาด้านการหายใจ และมีเสมหะมาก ทำให้เสี่ยงติดเชื้อเพิ่มได้ ทีมแพทย์จึงตัดสินใจเจาะคอเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว เพื่อช่วยให้ผู้ว่าฯ หายใจได้ง่ายขึ้น
หลังจากเจาะคอแล้ว ทีมแพทย์จะดูดน้ำออกจากหลอดลมเพื่อนำมาตรวจหาเชื้อโควิด-19 อีกครั้ง ขณะเดียวกันจะนำมาตรวจดูเซลล์ในหลอดลมประกอบการตัดสินใจใช้ยาบางตัวด้วย โดยต้องรอดูผลภายใน 72 ชั่วโมง หากได้ผล คาดว่าไม่กี่วันก็จะมีสัญญาณที่ดี พร้อมยืนยันว่า การเจาะคอเมื่อผ่านไป 48 ชั่วโมง ปากแผลก็จะปิด และกลับมาพูดได้เหมือนเดิม คนไข้ที่หนักๆ บางครั้งก็จำเป็นต้องทำ ขอประชาชนอย่ากังวล
นอกจากนี้ ทีมแพทย์ยังได้เอกซเรย์คอมพิวเตอร์เพื่อตรวจดูปอดและสมองของผู้ว่าฯ ด้วย โดยพบว่า ปอดมีการอักเสบ และเกิดพังผืดขึ้นในเนื้อปอดบางส่วน ขณะที่หลอดเลือดในปอดและสมองไม่มีอาการผิดปกติ หลังจากนี้จะมีการให้ยาลดอักเสบชนิดแรงทางเส้นเลือด เพื่อให้ปอดสามารถแลกเปลี่ยนออกซิเจนได้ดีขึ้นควบคู่กับการให้ยาลดการสร้างพังผืด โดยยาชนิดนี้มีรายงานในต่างประเทศว่าได้ให้กับผู้ป่วย COVID-19 เพื่อลดการสร้างพังผืด แต่ยาตัวนี้จะออกฤทธิ์ใน 1 เดือน ระหว่างนั้นมันก็จะทำงานไปเรื่อยๆ
เพจตลาดถนอมมิตรเผยผลตรวจโควิด-19 ผู้ค้า
ส่วนที่ตลาดถนอมมิตร หลังจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเขตบางเขนตรวจเชื้อโควิด-19 ของผู้ค้าในแผง 3-12D ไก่ต้มน้ำปลา ผลเป็นบวก ทางตลาดฯจึงแจ้งให้ผู้ค้าทำการเก็บของ พร้อมเคลียร์ของในแผงกลับบ้านทันที เพื่อเข้าสู่กระบวนการกักตัวและรับการรักษา ส่วนพื้นที่แผงค้าและบริเวณโดยรอบนั้น เจ้าหน้าที่ของตลาดล้างทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ โดยติดตามและควบคุมการล้างทำความสะอาดอย่างใกล้ชิด พร้อมแจ้งมาตรการในการแก้ปัญหาที่ได้สรุปร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตบางเขนและศูนย์บริการสาธารณสุข 24 ปิดตลาดเป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 19-21 มกราคม 2564 เพื่อทำความสะอาดใหญ่ และฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อโดยบริษัทผู้เชี่ยวชาญ พร้อมทั้งให้ผู้ค้าในตลาดและพนักงานตลาดทุกคนเข้ารับการตรวจหาเชื้อโดยศูนย์บริการสาธารณสุข 24 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสิ่งแวดล้อม สำนักงานเขตบางเขนจะเข้ามาดำเนินการเก็บผลและส่งเพื่อตรวจหาเชื้อต่อไป
ล่าสุดเพจตลาดแจ้งผลตรวจผู้ค้าในตลาดว่า “ผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 จากผู้ค้าในตลาด 100% จำนวนทั้งสิ้น 1,145 คน เมื่อวันที่ 19, 20, และ 22 มกราคมที่ผ่านมา ผลเป็นลบ ไม่พบผู้ติดเชื้อ เพจตลาดถนอมมิตร ระบุด้วยว่า ขอขอบพระคุณผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตบางเขน ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการสาธารณสุข 24 ที่ช่วยเข้ามาดูแลและให้การสนับสนุนการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และทุ่มเทในการทำงาน ตลอดจนให้คำแนะนำในการแก้ปัญหาแก่ทางตลาดและผู้ค้าภายในตลาด
นายกรัฐมนตรี ขออย่านำเรื่องวัคชีนโควิด -19 มาเป็นประเด็นการเมือง
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมกลุ่มราษฎร 63 นัดชุมนุมที่อาคารศรีจุลทรัพย์ ที่ตั้งของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ เพื่อทวงถามความโปร่งใสในการใช้งบประมาณการผลิตวัคซีนโควิด-19 ว่า ช่วงเวลานี้ไม่เหมาะสมที่จะมีการชุมนุม ซึ่งการใช้วัคซีน รัฐบาลได้ระมัดระวังผลข้างเคียง ที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนมากที่สุด และขณะนี้ทุกอย่างยังเป็นไปตามกรอบเวลาหรือไทม์ไลน์ที่กำหนดไว้ ดังนั้นขอร้องนักการเมืองว่าต้องระมัดระวังการแสดงความเห็นเรื่องวัคซีน และอย่านำเรื่องวัคซีนมาเกี่ยวพันกับเรื่องการเมือง เพราะขณะนี้การเจรจาตกลงกับบริษัทที่ผลิตวัคชีน ก็เดินหน้าไปได้ด้วยดี หากยังคงมีการโจมตีกันไปมา จะเกิดความหวาดระแวง ซึ่งหากเกิดปัญหาแล้วจะส่งผลกระทบต่อคนทั้งประเทศ ในการได้รับการฉีดวัคชีนตามไทม์ไลน์ที่รัฐบาลกำหนด และเมื่อเกิดความเสียหายทุกคนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ก็ต้องออกมารับผิดชอบด้วย
ประเทศไทยไม่ได้เป็นผู้คิดค้นและเจ้าของลิขสิทธิ์วัคซีนโควิด-19 เป็นเพียง 1 ในห่วงโซ่ของการผลิตของบริษัทแอสตราเซเนกา และเหตุผลที่จะต้องมีโรงงานในการผลิตวัคซีนเนื่องจากต้องรับจ้างผลิต เป็นเรื่องของการดำเนินการทางธุรกิจ ซึ่งบริษัทดังกล่าวก็ได้สำรวจโรงงานที่มีอยู่ทั่วประเทศแล้ว และเลือกบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์เป็นผู้ผลิต เพราะมีมาตรฐานที่ดีที่สุด ดังนั้นขออย่าดึงสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง แม้ว่าบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จะมีความเชื่อมโยงกับสถาบัน แต่ในการผลิตวัคซีนตามเงื่อนไขของบริษัทแอสตราเซเนกา รัฐบาลได้ขอพระราชทานอนุญาตแล้ว และเป็นผู้ออกงบประมาณในการดำเนินการ
การจะชุมนุมขออย่าให้ไปกระทบกับคนอื่น หรืออย่าทำอะไรที่ผิดกฎหมาย รวมถึงดำเนินคดี มาตรา 112 กับคนที่วิพากษ์วิจารณ์วัคซีนโควิด-19นั้น หลังได้ให้โอกาสกับทุกคนมาแล้วและไม่ต้องการให้ถูกมองว่าใช้กฎหมายไปปิดปากคน หรือไปทำร้ายใคร แต่อยากให้พิจารณาว่าการกระทำของแต่ละบุคคล ทำซ้ำกี่ครั้งแล้ว ไม่อยากให้นำเรื่องนี้ไปเป็นเรื่องของการเมืองจะผิดหรือถูกเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม
‘สยามไบโอไซเอนซ์’ออกแถลงการณ์ มีมาตรฐานระดับสากลผลิตวัคซีนโควิด-19
หลังมีการนำเสนอประเด็น"วัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ล่าสุดนางนวลพรรณ ล่ำซำ ในนามของ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรกิตติมศักดิ์บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ได้ส่งข้อมูล ชี้แจงสถานะของ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ความว่า การผลิตวัคซีนป้องกันการติดเชื้อโควิด-19ที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด และบริษัทแอสตราเซเนกาผู้ผลิตชีวภัณฑ์ชั้นนำของโลก ในเดือนตุลาคม 2563 ซึ่งสัญญานี้แสดงให้เห็นว่าสยามไบโอไซเอนซ์ เป็นบริษัทที่มีความาสามารถทางเทคโนโลยีชั้นสูงสามารถดำเนินการผลิตได้อย่างมีคุณภาพและมาตรฐานสากล จากการถ่ายทอดเทคโนโลยีของแอสตราเซเนกาส่งผลให้สยามไบโอไซเอนซ์ เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายการผลิตวัคซีนของแอสตราเซเนกา ที่มีมากกว่า 20 แห่งทั่วโลก
สำหรับวัคซีนป้องกันการติดเชื้อโควิด-19ของแอสตราเซเนกาใช้เทคโนโลยีในการผลิตใกล้เคียงกับการผลิตยาชีววัตถุจากเซลล์สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งสยามไบโอไซเอนซ์มีประสบการณ์ในการผลิตยา ชีววัตถุด้วยเทคโนโลยีนี้และมีผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดแล้วทั้งในประเทศ และส่งออก
โรงงานของสยามไบโอไซเอนซ์ได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตระดับสากลมีศักยภาพที่จะรองรับการผลิตวัคซีนของแอสตราเซเนกาได้ทุกขั้นตอน และเป็นโรงงานที่ใช้เทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยสามารถรองรับการขยายกำลังการผลิตได้ในอนาคต สยามไบโอไซเอนซ์ จึงเป็นส่วนหนึ่งในการต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19โดยสยามไบโอไซเอนซ์ได้ดำเนินการผลิตวัคซีนโดยยึดนโยบายไม่กำไร ไม่ขาดทุน หรือ no profit, no loss ในช่วงที่มีการระบาดนี้ซึ่งเป็นนโยบายเดียวกันกับของแอสตราเซเนกา
ภารกิจผลิตวัคซีนป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กระทรวง สาธารณสุขจำนวนเงินประมาณ 600 ล้านบาท และจากบริษัท เอสซีจี 100 ล้านบาทเพื่อต่อยอดศักยภาพของโรงงานให้มีความพร้อมในการผลิตวัคซีนให้ได้เร็วที่สุดเมื่อผลิตวัคซีนได้สำเร็จ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์จะสั่งซื้อวัคซีนป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 จากแอสตราเซเนกาเป็นมูลค่าเท่ากับ จำนวนเงินทุนที่ได้รับเพื่อส่งมอบให้กับรัฐบาลในการดูแลสุขภาพของคนไทยต่อไป
ก่อนหน้านี้ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัดได้ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กระทรวงสาธารณสุข พัฒนาและผลิต ชุดตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19แบบ RT-PCRซึ่งเป็นวิธีตรวจวินิจฉัยโรคตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก (WHO)และได้มอบให้หน่วยงานราชการใช้ในการตรวจคัดกรองผู้ป่วยในประเทศมากกว่า 100,000 ชุด
ออสเตรเลีย เตรียมแจกวัคซีนแอสตราเซเนกา ที่ผลิตในประเทศให้ประชาชน
หลังออสเตรเลียประกาศรับรองการใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทคแล้ว โดยคาดว่าการฉีดวัคซีนกลุ่มที่มีความสำคัญที่สุดด้วยวัคซีนของไฟเซอร์จะเริ่มในช่วงปลายเดือนก.พ. โดยจะฉีดได้ประมาณ 80,000 โดสต่อสัปดาห์
ขณะเดียวกัน ทางการออสเตรเลียได้ออกมาเตือนเกี่ยวกับปัญหาการผลิตวัคซีนของแอสตราเซเนกาในต่างประเทศ ซึ่งอาจทำให้ออสเตรเลียต้องแจกจ่ายวัคซีนแอสตราเซนเนกาที่ผลิตขึ้นเองในออสเตรเลียเร็วกว่าที่วางแผนไว้ ก่อนหน้านี้ แอสตราเซเนกาแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ของสหภาพยุโรป (EU) เมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่า บริษัทจะปรับลดการส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ที่ทางบริษัทพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ลงถึงร้อยละ60 ในช่วงไตรมาสแรกอันเนื่องจากปัญหาด้านการผลิตทำให้ออสเตรเลียจะเริ่มแจกจ่ายวัคซีนโควิดของแอสตราเซเนกาที่ผลิตในออสเตรเลียเองแทน ซึ่งเร็วกว่าที่วางแผนไว้ โดยบริษัทที่จะผลิตวัคซีนของแอสตราเซเนกาในออสเตรเลียคือ CSL
สหรัฐฯ เตรียมกลับมาใช้คำสั่งห้ามคนไม่ได้ถือสัญชาติอเมริกัน-มีประวัติไปประเทศโควิด-ระบาดหนักเข้าประเทศ
เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านสาธารณสุขของสหรัฐฯ ยืนยันว่า นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตรียมกลับมาใช้คำสั่งห้ามผู้ที่ไม่ได้ถือสัญชาติอเมริกัน และมีประวัติเคยเดินทางไปบราซิล ไอร์แลนด์ แอฟริกาใต้ สหราชอาณาจักร และอีกหลายประเทศของยุโรป เดินทางเข้าสหรัฐฯ เพื่อรับมือสถานการณ์ COVID-19 กลายพันธุ์ ในวันจันทร์นี้ตาม เวลาท้องถิ่น ความเคลื่อนไหวของผู้นำสหรัฐฯ ถือเป็นการกลับลำคำสั่งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารให้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (26 ม.ค.) เป็นต้นไป ก่อนที่จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ขณะที่นายรอน เคลน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาว เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของนายทรัมป์ ไม่มีแผนการจัดสรรวัคซีนป้องกัน COVID-19 ให้แก่ประชาชน ส่งผลให้การฉีดวัคซีนล่าช้ากว่าเป้าหมายที่วางไว้ โดยภารกิจการฉีดวัคซีนให้ได้ 100,000,000 โดส ภายใน 100 วันแรกของการดำรงตำแหน่ง ถือเป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาลชุดใหม่ หลังจากยอดผู้เสียชีวิตในสหรัฐฯ สูงมากกว่า 400,000 รายและมีผู้ติดเชื้อสะสมสูงกว่า 25,000,000 คน
หุ้นเอเชียยังบวกได้หลายพื้นที่คลายล็อกดาวน์
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 30 ปีในวันนี้ โดยได้ปัจจัยหนุนจากความหวังที่ว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนญี่ปุ่นจะออกมาดีกว่าคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้น กลุ่มเทคโนโลยีในตลาดสหรัฐฯเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว นิกเกอิปิดที่ 28,822.29 จุด เพิ่มขึ้น 190.84 จุด
เช่นเดียวกับ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้ปรับตัวขึ้น ขานรับข่าวทางการฮ่องกงประกาศยกเลิกคำสั่งล็อกดาวน์เขตเกาลูนแล้วในวันนี้ หลังจากรัฐบาลเสร็จสิ้นการตรวจหาโรคโควิด-19 กับประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวประมาณ 7,000 คน และพบผู้ติดโควิด-19 เพียง 13 คน ส่วนใหญ่อยู่ในย่านเหยาหม่าเต๋และจอร์แดน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีตลาดกลางคืน ดัชนีฮั่งเส็งปิดวันนี้ที่ 30,159.01 จุด เพิ่มขึ้น 711.16 จุด
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดที่ 1,501.62 จุด เพิ่มขึ้น 3.74 จุด มูลค่าซื้อขาย 82,777.70 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขาย 350.47 ล้านบาท
นักวิชาการแนะหาคนกลาง แก้ปัญหาค่าโดยสารรถไฟฟ้า ชี้ กรณีสายสีเขียวแค่เริ่มต้นระวังจะกลายเป็นเสียค่าโง่
ปัญหาที่มีความเห็นต่างกัน ระหว่างกรุงเทพมหานคร กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งบีทีเอสเป็นผู้รับสัมปทานจากกรุงเทพมหานคร เดินรถบริการอยู่ในปัจจุบัน และขณะนี้ ได้มีการเดินรถตลอดเส้นทาง ส่วนต่อขยายจากสถานีที่เป็นสัปทานเดิม คือจาก หมอชิต -สะพานใหม่ -คูคต รวมกับการเปิดเดินรถถึงจังหวัดสมุทรปราการ นายสุเมธ องค์กิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัย ด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ มูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ เปิดเผยว่า แนวทางแก้ปัญหา จำเป็นต้องมีคนกลางที่มีอำนาจตัดสินใจ นำภาพรวมโครงข่ายระบบรางทั้งหมดมากาง ทั้งที่เปิดบริการแล้ว กำลังก่อสร้าง และจะเปิดให้บริการในอนาคต เพื่อคำนวณค่าโดยสารเป็นโครงข่ายครั้งเดียว โดยมีแนวคิดเรื่องอายุการให้สัมปทานที่สามารถใช้กับผู้รับสัมปทานเดิมด้วย เช่น รถไฟฟ้าเส้นใดผู้โดยสารเยอะ มีโอกาสกำไร หรือคืนทุนเร็ว สัมปทาน จะต้องมีอายุสั้น หากเส้นทางใดผู้โดยสารน้อย ก็ต้องให้ระยะเวลาสัมปทานยาว เพื่อให้เอกชนมีโอกาสรอการคืนทุน และพอมีกำไร โดยวิธีนี้รัฐจะสามารถใช้ฐานราคาเดียว กำหนดค่าโดยสารทั้งระบบ ที่ประชาชนรับได้
โดยมองว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับสายสีเขียว เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น หากในอนาคต รถไฟฟ้าเส้นอื่นเปิดให้บริการขึ้นอีก แม้รัฐบาลจะมีบันทึกในสัญญาสัมปทานไว้แล้ว เช่น รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง ) สีชมพู (แคลาย-มีนบุรี ) ว่าเอกชนจะต้องรับเงื่อนไข เก็บค่าแรกเข้าครั้งเดียว แต่ในข้อเท็จจริง หากผู้โดยสารเดินทางเชื่อมต่อรถไฟฟ้าหลายระบบและต้องเข้าไปเดินทางรถไฟฟ้าที่เป็นสัมปทานเดิม ก็จะเกิดปัญหายุ่งยาก ต่อการเจรจากับ เอกชนผู้ถือสัมปทานเหล่านี้ หากภาครัฐเตรียมรับมือกับปัญหาเหล่านี้ไม่ดี จะเกิดปัญหาตามมา อาจกลายเป็นข้อพิพาท หรือ ค่าโง่ เกิดขึ้นได้
นักวิชการ ทีดีอาร์ไอ ยืนยันอีกครั้งว่า ค่าโดยสารรถไฟฟ้าของไทยนั้นแพง หากเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่มีสูตรคำนวณค่าโดยสารเป็นโครงข่ายชัดเจน โดยมีประเด็นที่ต้องคิดให้ละเอียด เช่น ในสิงคโปร์ เมื่อรัฐบาลเพิ่มส่วนต่อขยาย ป้อนผู้โดยสารเข้าสู่ระบบมากขึ้น โดยรัฐบาลเป็นผู้ลงทุน เอกชนก็ต้องปรับลดราคาค่าโดยสารลง ให้สอดคล้องกับผู้โดยสารที่มากขึ้น และมีโอกาสของรายได้มากขึ้น ด้วย
ผบ.ตร.ประสานไต้หวัน ขยายเครือข่ายเคนมผง หลังรวบ ลูแปง ไต้หวัน สอบประวัติส่งขายต่างประเทศ
หลังตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ปส.) จับกุมนายโช วาย เชิน ผู้ต้องหาชาวไต้หวันฉายา “ลูแปงไต้หวัน” ที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านอโศก พลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมทั้งสอบปากคำผู้ต้องหา โดยตำรวจ ปส. สืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับของไต้หวัน ในคดียาเสพติดหลายคดี โดยใช้ชื่อปลอมและหนังสือเดินทางหลายสัญชาติหลบหนีคดีเข้ามาประเทศไทย ตรวจค้นห้องพักพบเคตามีน กว่า 2 กิโลกรัม , เฮโรอีน ประมาณ 8 กิโลกรัม , ไอซ์ 2 กิโลกรัม , ยาอี 379 เม็ด , โคเคน น้ำหนักกว่า 11 กรัม , LSD หรือ แสตมป์มรณะ 48 แผ่น , ยานอนหลับกว่า 200 เม็ด พร้อมเครื่องมืออุปกรณ์ผสมสารเสพติด เพื่อทำเป็นเคนมผงและอาวุธปืน ขนาด 9 มม. เครื่องกระสุนปืน จำนวน 8 นัด โดยขณะจับกุม ตำรวจพบผู้ต้องหากำลังผสมยาเสพติดหลายชนิดเข้าด้วยกันเพื่อทำเป็นเคนมผง ออกจำหน่ายให้กับเอเย่นต์ยาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
พลตำรวจเอกสุวัฒน์ กล่าวว่าจากการตรวจสอบประวัติพบว่า ผู้ต้องหาเข้ามาประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2555 เชื่อว่าเข้าไทยอย่างไม่ถูกต้องและอยู่เมืองไทยมาตลอด เบื้องต้น ผู้ต้องหารับสารภาพว่า เข้ามาอยู่ในประเทศไทย เพื่อจำหน่ายยาเสพติด ซึ่งมีการผสมสูตรเป็นของตัวเอง ด้วยการนำยาเสพติดหลายประเภทมาผสมกัน พร้อมอ้างว่า ผู้เสพนำไปเสพผิดวิธี จึงอาจส่งผลให้ถึงแก่ชีวิต และยังพบผู้ต้องหาดำเนินการเพียงคนเดียว แต่ตำรวจจะประสานไปยังตำรวจไต้หวัน เพื่อขยายผลถึงเครือข่าย พร้อมหาความเชื่อมโยงถึงกลุ่มผู้ค้ารายย่อยและลูกค้า หลังพบว่า ผู้ต้องหากระจายยาเสพติดส่วนหนึ่งผ่านสื่อสังคมออนไลน์และจำหน่ายตามแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ พร้อมเชื่อว่า มีบางส่วนถูกส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศ
รวบ เซอ ชี ลอป เจ้าพ่อยาเสพติด
ตำรวจเนเธอร์แลนด์จับกุมเซอ ชี ลอป ชาวแคนาดาเชื้อสายจีน วัย 57 ปี ได้ที่สนามบินสคิปโพล ในเมืองอัมสเตอร์ดัม ในขณะที่เขากำลังจะเดินทางไปประเทศแคนาดา การจับกุมในครั้งนี้เกิดขึ้นจากคำร้องขอของสำนักงานตำรวจออสเตรเลีย ซึ่งเตรียมทำเรื่องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนเพื่อนำตัวกลับมาดำเนินคดี นับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญที่สุดของสำนักงานตำรวจออสเตรเลีย ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ตำรวจออสเตรเลียใช้เวลาไล่ล่า เซอ ชี ลอป มานานนับสิบปี โดยทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านกฎหมายประมาณ 20 แห่งทั่วโลก เซอ ชี ลอป เป็นผู้นำเครือข่ายค้ายาเสพติด "เดอะ คอมพานี" หรือ "ซัม กอร์ ซินดิเคท" ที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบนำเข้ายาเสพติดร้อยละ 70 ของทั้งประเทศออสเตรเลีย และยังมีเครือข่ายค้ายาเสพติดและฟอกเงินในหลายประเทศทั่วภูมิภาคเอเชีย ซึ่งประเมินว่ามีมูลค่าสูงถึง 7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 2.1 ล้านล้านบาท ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาย้ายที่อยู่ไปเรื่อย ๆ เช่น มาเก๊า ฮ่องกง และไต้หวัน