สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร รายงานสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ ณ เวลา 17.00 น. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 914 คน เป็นการค้นหาเชิงรุก 844 คน แบ่งเป็นคนไทย 84 คน ต่างด้าว 760 คน และในโรงพยาบาลอีก 70 คน แบ่งเป็นคนไทย 35 คน ต่างด้าว 35 คน รวมยอดสะสม 6,555 คน โดยตัวเลขที่พุ่งสูงขึ้นเช่นนี้ มาจากการค้นหาเชิงรุกโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีพนักงานมากกว่า 1,000 คน
ก่อนหน้านี้ ในระหว่างการแถลงสถานการณ์โควิด-19ประจำวัน พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) คาดว่า ในวันนี้ จะพบผู้ติดเชื้อถึง 800 คน ในจ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นตัวเลขที่ได้จากการระดมทีมลงไปตรวจค้นหาเชิงรุกในพื้นที่ชุมชนของสมุทรสาคร ซึ่งมีเป้าหมายว่าในช่วงวันที่ 25-31 ม.ค.นี้ จะต้องทำการค้นหาเชิงรุกให้ได้วันละ 10,000 คน ทำให้มีโอกาสพบผู้ติดเชื้อในแต่ละวันในจำนวนที่สูง
ตั้งแต่วันที่ 25-31 ม.ค. จะเห็นการระดมกำลังลงไปในพื้นที่ ซึ่งจะเป็นการค้นหาเชิงรุก โดยจะขอกำลังจากแพทย์ทหารมาร่วมด้วย ซึ่งจะทำให้ได้วันละ 1 หมื่นคน ดังนั้นจึงมีโอกาสจะเจอผู้ติดเชื้อสูงถึง 800 คนได้และขอให้ติดตาม ซึ่งทางจังหวัดสมุทรสาครจะได้แถลงรายละเอียดในช่วงบ่ายนี้
อย่างไรก็ตาม การพบผู้ติดเชื้อรายใหม่วันละหลายร้อยรายในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ถือว่ายังเป็นไปตามแผนที่ประเมินไว้ ซึ่งทุกฝ่ายยืนยันว่ายังสามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ได้
สำหรับความพร้อมรองรับผู้ป่วยที่มากขึ้นใน จ.สมุทรสาคร พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ได้เตรียมมาตรการรองรับไว้ ในส่วนของทีมแพทย์และ รพ.ทั่วไป สำหรับในรายของผู้ป่วยที่มีอาการมาก แต่หากอาการไม่รุนแรงจะให้อยู่ที่ รพ.สนาม ซึ่งในปัจจุบันเปิดใช้แล้ว 1,091 เตียง พรุ่งนี้ (26 ม.ค.) จะเปิดเพิ่มอีก 400 เตียง,วันศุกร์ (29 ธ.ค.) เปิดเพิ่มอีก 1,000 เตียงซึ่งเป็นส่วนที่ได้รับความช่วยเหลือจากนายกองค์การบริหารส่วนตำบลพันท้ายนรสิงห์ รวมทั้งจะมีผู้ประกอบการ ภาคธุรกิจเอกชน ให้ใช้พื้นที่โรงงานเป็น รพ.สนามอีก 2,000 เตียง ซึ่งรวมทั้งหมดแล้วภายในสัปดาห์นี้ จ.สมุทรสาคร จะมี รพ.สนามที่รองรับผู้ป่วยได้มากถึง 3,000 เตียง
ด้านนายอภิสิทธิ์ เตชะนิธิสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร นายชาธิป ตั้งกุลไพศาล รองประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรสาคร ร่วมแถลงข่าวโครงการ “รวมใจรักษ์สมุทรสาคร” เพื่อผลักดันให้สถานประกอบการในอำเภอบ้านแพ้ว และกระทุ่มแบนร่วมกับโรงพยาบาลในพื้นที่ตรวจหาเชื้อโควิด 19 ในน้ำลาย คือตรวจน้ำลายของกลุ่มแรงงาน โดยตรวจทีละ 5 คนรวมกัน ถ้าผลการตรวจออกเป็นบวกแสดงว่า ติดเชื้อจะต้องตรวจหารายบุคคลซ้ำอีกครั้ง แต่ถ้าผลเป็นลบก็ไม่ต้องตรวจซ้ำ
ซึ่งวิธีการตรวจดังกล่าวได้ผลแม่นยำ มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับวิธีการตรวจจากสารคัดหลั่งหลังจากจมูกและคอหรือวิธีการตรวจหาสารพันธุกรรม (RT-PCR) ซึ่งวิธีการตรวจหาเชื้อในน้ำลายนี้ได้รับการยอมรับในหลายประเทศ เพราะว่าประหยัดค่าใช้จ่าย และเวลา เก็บตัวอย่างง่ายกว่า สามารถเก็บได้ด้วยตัวเอง ทำให้บุคลากรปลอดภัยมากขึ้น ไม่ต้องใช้หรือลดการใช้ชุดป้องกัน PPE ภายในสัปดาห์นี้คาดว่าจะตรวจแรงงานในสถานประกอบการได้ประมาณ 3 หมื่นคน