รัสเซียและสหรัฐฯ ต่างแสดงความพร้อมที่จะขยายเวลาของสนธิสัญญาว่าด้วยการลดอาวุธทางยุทธศาสตร์ (START) ซึ่งกำลังจะหมดอายุการบังคับใช้ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์นี้ และเป็นสนธิสัญญาระหว่าง 2 ประเทศเพียงฉบับเดียวที่เหลืออยู่เนื่องจากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯถอนตัวออกจากสนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง (INF) ไปแล้ว โดยอ้างว่ารัสเซียละเมิดข้อตกลง ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เสนอให้ต่ออายุของข้อตกลง START ออกไปอีก 5 ปีพร้อมเงื่อนไขใหม่ ซึ่งทำให้สนธิสัญญานี้ถูกเรียกว่า นิวสตาร์ท (NEW START)
สนธิสัญญาฉบับนี้กำหนดให้ทั้ง 2 ประเทศมีหัวรบนิวเคลียร์ได้สูงสุด 1,550 หัวรบ และปืนกลและเครื่องบินทิ้งระเบิด 800 ลำ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากต่างเห็นพ้องว่าเป็นจำนวนที่มากเพียงพอที่จะระเบิดโลกได้หลายครั้ง
นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย แสดงความยินดีกับข้อเสนอของสหรัฐฯที่จะขยายสนธิสัญญาออกไปอีก 5 ปี แต่การทำความตกลงใดๆ ยังต้องขึ้นอยู่กับรายละเอียดในข้อเสนอนี้
ประธานาธิบดีไบเดนมีแนวโน้มที่จะดำเนินนโยบายต่อรัสเซียแข็งกร้าวมากกว่ารัฐบาลชุดก่อน เมื่อพิจารณาจากนโยบายที่ประกาศไว้ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง นอกจากนี้สมาชิกสภานิติบัญญัติสหรัฐฯ ยังเรียกร้องให้มีการออกมาตรการลงโทษรัสเซียฐานแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯเมื่อปี 2559 และกรณีที่แฮกเกอร์รัสเซียโจมตีหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯหลายแห่ง
เมื่อวานนี้ นายแจน สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือหรือนาโต้ กล่าวแสดงความยินดีต่อข้อเสนอของสหรัฐฯ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของความพยายามที่จะเสริมสร้างการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างประเทศให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และเสนอให้มีการขยายข้อตกลงไปยังประเทศมหาอำนาจอื่น อาทิ จีน
ด้านนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวแสดงความยินดีที่จะมีการขยายเวลาของสนธิสัญญานี้เช่นกัน และสนับสนุนให้ทั้ง 2 ประเทศมีการทำงานอย่างรวดเร็วเพื่อบรรลุข้อตกลงส่วนต่อขยายก่อนวันที่ 5 กุมภาพันธ์
....