นางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต้องการให้มีการขยายอายุของสนธิสัญญาลดอาวุธทางยุทธศาสตร์ฉบับใหม่ หรือ นิวสตาร์ท กับรัสเซียต่อไปอีก 5 ปี ก่อนหมดอายุในวันที่ 5 กุมภาพันธ์นี้ ก่อนหน้านี้ ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในสนธิสัญญาฉบับนี้เมื่อปี 2553 กำหนดให้สหรัฐฯและรัสเซีย สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์กับอาวุธเชิงยุทธศาสตร์ เช่น ขีปนาวุธข้ามทวีป ฝ่ายละไม่เกิน 1,550 ลูก เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญด้านการต่างประเทศที่รัฐบาลใหม่ของนายไบเดนให้ความสำคัญในลำดับต้นๆหลังเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันพุธ
นางซากี กล่าวว่า นายไบเดน เห็นว่า สนธิสัญญาฉบับนี้เป็นเรื่องประโยชน์ทางด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ พร้อมทั้งเห็นควรจะให้มีการต่ออายุสนธิสัญญาฉบับนี้ อีกทั้งเมื่อพิจารณาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสอง นายไบเดน เห็นว่า สหรัฐฯและ รัสเซียยังคงเป็นคู่ปรปักษ์กันในหลายๆเรื่อง ระบุว่า นายไบเดนได้มอบหมายให้หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯจัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์กรณีระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทโซลาร์ วินส์ที่ให้บริการแก่ลูกค้าองค์กร รวมถึงหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯถูกแฮกเกอร์รัสเซียโจมตีระบบไซเบอร์ เพื่อล้วงข้อมูลในเดือนที่แล้ว
นอกจากนั้น นายไบเดน ขอให้หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯสอบสวนเรื่องความเป็นไปได้ที่รัสเซียเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐฯในปี 2563 สอบสวนกรณีรัสเซียถูกกล่าวหาว่าใช้สารเคมีเพื่อพยายามลอบสังหารนายอเล็กซี นาวัลนี ผู้นำฝ่ายค้านรัสเซียและกรณีรัสเซียถูกกล่าวหาว่ายอมจ่ายค่าหัวให้กับคนร้ายที่ลอบฆ่าทหารอเมริกันที่ปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพในอัฟกานิสถาน
นางซากี กล่าวว่า แม้ว่ารัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯต้องการจะทำงานกับรัสเซีย แต่สหรัฐฯจะทำงานร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศ เพื่อกดดันรัสเซียให้แสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำต่างๆที่ขาดความยั้งคิด และกระทบผลประโยชน์แห่งชาติสหรัฐฯและความมั่นคงของโลก
Cr: Reuters, straits times