*จนท.พบพิรุธ ร.ต.ท. เชาวรินธร์ ฉ้อโกงจริงคุมตัวฝากขังศาลอาญา*

12 มกราคม 2558, 17:16น.


หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำร.ต.ท.เชาวรินธร์ ลัทธศักย์ศิริ ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน จากคดีแฮ๊กอีเมลของบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด ที่ค้าขายกับบริษัท บีพีซี จำกัดของประเทศกัมพูชา เพื่อโกงเงินซื้อปูนจำนวน 11 ล้านบาท พ.ต.ท. นิเวศ เด่นนินนาท อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะอัยการเจ้าของคดี เปิดเผยว่า คดีนี้คนในของบริษัทบีพีซี จำกัดของประเทศกัมพูชา น่าจะมีส่วนร่วมในการรู้เห็นฉ้อโกงอีกหลายคน เพราะคนในบริษัทจะเป็นคนคอยบอกข้อมูลการซื้อขายและรายละเอียดอีเมล์ เพื่อให้ร.ต.ท. เชาวรินธร์ แฮ๊กข้อมูล และใส่บัญชีของสมาคมวัฒนธรรมวิถีพุทธไทย-จีนแทนที่จะเป็นบัญชีของบริษัททีพีไอ โพลีน จากการตรวจสอบยังพบว่า บัญชีของสมาคม เป็นบัญชีของธนาคารกรุงไทย สาขา รัฐสภา ซึ่งร.ต.ท.เชาวรินธร์ และพวกอีก 2-3 คนเท่านั้นที่มีสิทธิ์เบิกถอนได้ พร้อมกันนี้ยังมั่นใจว่า ร.ต.ท.เชาวรินธร์ จงใจฉ้อโกงทรัพย์ เนื่องจากพบพิรุธหลายประการ เช่น หากเป็นเงินบริจาคของสมาคม เงินบริจาคไม่น่ามียอดสูง และหากไม่ทราบว่าผู้ใดโอนตามที่ร.ต.ท. เชาวรินธร์ กล่าวอ้างจริง เหตุใดจึงนำเงินออกมาใช้ นอกจากนี้ยังพบกรณีฉ้อโกงคล้ายกรณีดังกล่าวอีกกว่าสิบราย แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสองบริษัทดังกล่าว ยังไม่ทราบว่าจะเกี่ยวข้องกับร.ต.ท. เชาวรินธร์หรือไม่ แต่ระบุว่ากรณีนี้ส่งผลต่อการซื้อขายและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ส่วนการดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำ ร.ต.ท. เชาวรินธร์ ฝากขังผลัดแรกระยะเวลา 12 วันที่ศาลอาญา รัชดา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจมิได้คัดค้านการประกันตัว ให้เป็นดุลยพินิจของศาล ขณะที่ ร.ต.ท.เชาวรินธร์ ระบุสั้นๆว่า ปฎิเสธทุกข้อหา แม้จะยอมรับว่ามีเงิน 11 ล้านบาทโอนมาและนำไปใช้จริง แต่นำไปใช้ทำบุญและใช้หนี้สิน ยืนยันว่าเงินที่ได้เป็นเงินบริสุทธิ์ เพราะมีผู้โอนมาให้เอง พร้อมระบุว่าจะยื่นประกันตัวในชั้นศาล ทั้งนี้ยังได้ปฎิเสธที่จะเจรจากับผู้เสียหายของบริษัท บีพีซี จำกัดด้วย



ธีรวัฒน์ 

ข่าวทั้งหมด

X