ทันสถานการณ์โลกเวลา 06.30 น.วันอังคารที่ 19 มกราคม 2564

19 มกราคม 2564, 06:04น.


ทรัมป์จะออกจากทำเนียบขาว ในเช้าวันที่ไบเดนสาบานตน



          นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะย้ายออกจากทำเนียบขาว ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในช่วงเช้าของวันพุธที่ 20 มกราคม ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับที่นายโจ ไบเดน จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐฯ ที่หน้าอาคารรัฐสภาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ส่วนนายทรัมป์ จะมีพิธีอำลาตำแหน่งที่ฐานทัพร่วมแอนดรูว์ ในรัฐแมรีแลนด์ จากนั้นเขาจะเดินทางด้วยเครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ กลับไปที่รีสอร์ตส่วนตัวที่เมืองปาล์มบีช รัฐฟลอริดา



          แต่ที่ถูกจับตามองเป็นอย่างมากก็คือในวันนี้ (19 ม.ค.) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการทำงานนายทรัมป์จะเร่งให้อภัยโทษและลดโทษให้แก่บุคคลจำนวนนับ 100 คน โดยนับตั้งแต่เดือนธันวาคม (2563) เป็นต้นมา นายทรัมป์ได้ลงนามอภัยโทษให้แก่กลุ่มผู้สนับสนุนหลายคนของเขา รวมถึงนายชาร์ลส์ คุชเนอร์ ในความผิดฐานเลี่ยงภาษี



สหรัฐฯปิดอาคารรัฐสภาชั่วคราว หลังเกิดไฟไหม้บริเวณใกล้เคียง



          อาคารรัฐสภาสหรัฐฯถูกปิดทำการเป็นการชั่วคราว เนื่องจากมีเหตุไฟไหม้ในบริเวณใกล้เคียง และหลังจากที่เหตุการณ์สงบลง ซึ่งตำรวจรัฐสภาออกประกาศระบุว่า สมาชิกรัฐสภาและบุคลากรได้รับคำแนะนำให้หลบอยู่ในที่ปลอดภัย



          หน่วยดับเพลิงทวีตข้อความว่า เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงซึ่งเกิดขึ้นใกล้กับบริเวณของอาคารรัฐสภาได้แล้ว และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ



กลุ่มหัวรุนแรงรวมตัวก่อนพิธีสาบานตน



          กลุ่มผู้ประท้วงซึ่งบางกลุ่มมีอาวุธไปรวมตัวกันที่อาคารรัฐสภาในหลายรัฐ เช่นรัฐเท็กซัส โอเรกอน มิชิแกน โอไฮโอ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา



          เอฟบีไอ รายงานว่ากลุ่มผู้สนับสนุนนายทรัมป์ มีการรวมตัวกันในหลายรัฐก่อนพิธีสาบานตนของนายไบเดน และมีความกังวลเกี่ยวกับความรุนแรงเนื่องจากกลุ่มบุคคลเหล่านี้มีการเตรียมพร้อมอาวุธมาด้วย นายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการเอฟบีไอ เตือนว่าการที่นายทรัมป์ยังไม่หยุดการกระทำที่เป็นการยั่วยุกลุ่มผู้สนับสนุนของเขา ทำให้ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาอันตรายของประเทศ



          ขณะที่กระทรวงกลาโหมและฝ่ายความมั่นคง เพิ่มการตรวจสอบประวัติของเจ้าหน้าที่ที่ถูกส่งไปรักษาความปลอดภัยในพิธีสาบานตน เพื่อลดความเสี่ยง เพราะมีความเป็นไปได้ที่ภายในกลุ่มเจ้าหน้าที่อาจมีผู้สนับสนุนนายทรัมป์ซึ่งอาจลงมือก่อเหตุขึ้นได้ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่พบหลักฐานหรือความผิดปกติเกิดขึ้น



สหรัฐฯ-จีนโต้แย้งกันในที่ประชุมองค์การอนามัยโลก กรณีตรวจสอบต้นตอโควิด



          ในการประชุมทางไกลของคณะกรรมการบริหารองค์การอนามัยโลก นายการ์เรตต์ กริกส์บี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์สหรัฐฯ ผู้แทนของสหรัฐฯได้เรียกร้องให้จีนอนุญาตให้คณะผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลก สามารถเข้าถึงผู้ดูแลผู้ป่วย ผู้ที่เคยป่วย และเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการในเมืองอู่ฮั่น รวมไปถึงข้อมูลทางการแพทย์และตัวอย่างต่างๆเพื่อตรวจสอบหาต้นตอของโควิด-19 โดยเชื่อว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นที่เมืองอู่ฮั่นเป็นที่แรกเมื่อช่วงปลายปี 2562



          ด้านตัวแทนของจีนในที่ประชุมตอบโต้ว่าการศึกษาต้นกำเนิดของไวรัสเป็นเรื่องทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งต้องเกิดจากความร่วมมือ และต้องยุติแรงกดดันทางการเมืองทุกรูปแบบ



          ทั้งนี้ คณะผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศจากองค์การอนามัยโลกจำนวน 13 คนเดินทางถึงจีนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และเข้ารับการกักตัวที่โรงแรมแห่งหนึ่งในนครอู่ฮั่น จากนั้นจะเริ่มดำเนินการวิจัยร่วมกับนักวิทยาศาสตร์จีนเพื่อหาต้นกำเนิดของโรคโควิด-19



นอร์เวย์พบผู้เสียชีวิตหลังการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น



          นอร์เวย์มีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค หลังจากที่มีผู้เสียชีวิตหลังรับวัคซีนเพิ่มขึ้นเป็น 29 ราย โดยในขณะนี้ได้ฉีดวัคซีนเข็มแรกให้กับกลุ่มผู้สูงอายุแล้วประมาณ 42,000 คน



          ผู้เสียชีวิตจะมีอาการผิดปกติหลังจากรับวัคซีนคือคลื่นไส้และอาเจียน มีไข้ มีปฏิกิริยาเฉพาะบริเวณและสภาพร่างกายเลวร้ายลง



ขณะเดียวกัน สหรัฐฯรายงานว่าในช่วงระหว่างวันที่ 14-23 ธันวาคม มีผู้ที่รับวัคซีนแล้วมีอาการแพ้รุนแรง 21 คน และขณะนี้ได้ฉีดวัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทคไปเข็มแรกไปแล้วประมาณ 1 ล้าน 9 แสนคน



บราซิลอนุมัติวัคซีนจีนและอังกฤษแล้ว



          แอนวิซาหน่วยงานที่กำกับดูแลด้านสาธารณสุขของบราซิล อนุมัติให้มีการใช้วัคซีนกรณีฉุกเฉินของบริษัทซิโนแวค ไบโอเทค และบริษัทแอสตราเซเนกา หลังจากที่พยาบาลวัย 54 ปีในเซาเปาโลเป็นคนแรกที่ได้รับการฉีดวัคซีนโคโรนาแวคของจีนเมื่อวันอาทิตย์ (17 ม.ค.)



          การเร่งรับรองวัคซีนนี้ยังเกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลบราซิลถูกกดดันมากขึ้นให้เริ่มฉีดวัคซีนหลังจากที่มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากกว่า 200,000 ราย



เศรษฐกิจจีนปี 2563 ขยายตัวร้อยละ 2.3



          สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน รายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพีในปี 2563 ขยายตัวร้อยละ 2.3 สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจีดีพีจีนจะขยายตัวเกินหลักร้อยละ 2 และจะเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่เพียงประเทศเดียวที่มีการขยายตัวในปี 2563



          อย่างไรก็ตามพบว่าในปีที่แล้วชาวจีนมีการใช้จ่ายลดลง โดยยอดค้าปลีกหดตัวลงร้อยละ 3.9 แต่ยอดขายออนไลน์ขยายตัวแข็งแกร่งมาอยู่ที่ร้อยละ 10.9 เมื่อเทียบรายปีแตะระดับ 11 ล้าน 7 แสน 6 หมื่นล้านหยวน



ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดทำการวันนี้



          ตลาดหุ้น และตลาดน้ำมันสหรัฐฯปิดทำการเนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ โดยตลาดจะกลับมาเปิดทำการซื้อขายอีกครั้งในวันอังคารที่ 19 ม.ค.



 



 



...

ข่าวทั้งหมด

X