นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่ยังพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อน แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะมีแนวโน้มทรงตัวและลดระดับลง แต่ยังต้องเร่งค้นหาผู้ติดเชื้อในชุมชน เพราะปัญหา คือ พบการระบาดในครอบครัวแล้วแพร่กระจายไปยังบุคคลอื่น เป็นการนำเชื้อไปติดคนในครอบครัวตัวเองอีกที ทำให้กลุ่มก้อนผู้ติดเชื้อมีจำนวนมาก เช่น กรณีคลัสเตอร์ครอบครัวที่ชุมชนวัดสิงห์ แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง ที่ผู้ติดเชื้อรายแรก เป็นชายวัย 63 ปี แล้วนำเชื้อมาติดภรรยากับลูกๆ เนื่องจากช่วงปลายปีมีการจัดงานเลี้ยงวันคริสต์มาส หลังจากนั้นก็พบว่าแพร่กระจายไปยังคนขายหมูกะทะ ที่ร่วมงานเลี้ยงด้วยกัน และติดไปที่คนขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง ซึ่งในจำนวนคนที่ติดเชื้อ ก็ยังมีการแพร่กระจายเชื้อไปสู่สมาชิกในครอบครัว ไปยังเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรือเพื่อนที่ทำงาน รวมผู้ติดเชื้อจากกลุ่มก้อนนี้ถึง 34 คน อีกทั้งการสอบสวนโรคเพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อหรือผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ก็ทำได้ค่อนข้างยาก
.jpg)
ซึ่งจากกรณีนี้จะเห็นว่า จุดที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ คือ การติดเชื้อภายในครอบครัว การติดเชื้อจากร้านอาหารที่มีอากาศถ่ายเทไม่สะดวก และภายในสถานที่ทำงาน จากการสอบสวนโรคพบว่า ผู้ติดเชื้อหลายรายไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะตอนรับประทานอาหาร นี่จึงเป็นตัวอย่างที่ต้องเฝ้าระวังและยังต้องใช้มาตรการเว้นระยะห่างอย่างเข้มข้น
อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยังระบุว่า ผู้ติดเชื้อในกลุ่มที่เป็นคนหนุ่มสาวหรือเด็ก จะพบว่าไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยมาก ส่วนผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงจะเสียชีวิตมากที่สุด คือกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว เพราะมักจะมีอาการรุนแรง และส่วนใหญ่ผู้สูงอายุ ก็มักจะติดเชื้อจากลูกหลานภายในบ้าน จึงต้องขอความร่วมมือลูกหลานที่จะไปเยี่ยมผู้สูงอายุในครอบครัว หรืออาศัยอยู่ร่วมกัน ให้ระมัดระวังและรักษามาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัดด้วย

นพ.โอภาส ยังพูดถึงแอปพลิเคชันหมอชนะ ที่ประชาชนเกิดความไม่แน่ใจว่าสมควรจะใช้แอปพลิเคชันนี้หรือไม่ โดยระบุว่า จากการสอบสวนโรคผู้ติดเชื้อรายที่ผ่านๆมา จะพบว่า ต้องใช้เวลานานและค่อนข้างลำบาก เพราะต้องซักประวัติอย่างละเอียด แต่ถ้าผู้ติดเชื้อใช้แอปพลิเคชันหมอชนะ จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น โดยขั้นตอนการทำงานของทีมสาธารณสุข คือ เมื่อพบผู้ติดเชื้อ ก็จะขอตรวจดูแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือ เพื่อถ่ายภาพคิวอาร์โค้ด แล้วส่งข้อมูลไปยังผู้ประสานงานและผู้ดูแลระบบ เพื่อส่งให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) สพร. หรือ DGA ในการอัพเดทฐานข้อมูลผู้ป่วยและส่งข้อความแจ้งเตือนผู้ที่มีความเสี่ยง หรือผู้ที่อาจจะสัมผัสโรค จึงวอนขอให้ประชาชนใช้แอปพลิเคชันดังกล่าว เพื่อช่วยทีมสาธารณสุขในการทำงาน ซึ่งขณะนี้ทีมงานกำลังเร่งปรับปรุงระบบ เช่น การแก้ปัญหาแอปฯใช้พลังงานและทรัพยากรในโทรศัพท์มาก รวมทั้งการจัดทำระดับการแจ้งเตือนให้เป็นสีเหลือง ส้ม แดง ตามความเสี่ยงของผู้ใช้งาน